หลังจดทะเบียนบริษัท 12 เดือนแรก ต้องวางระบบบัญชีและภาษีอย่างไร
.jpg)
การเริ่มต้นธุรกิจหลัง จดทะเบียนบริษัท เป็นเพียงก้าวแรกเท่านั้น เพราะสิ่งสำคัญที่กำหนดความมั่นคงของกิจการในระยะยาว คือ “การวางระบบบัญชีและภาษีให้ถูกต้องตั้งแต่ปีแรกของบริษัท” นี่คือช่วงเวลาที่เจ้าของกิจการหลายรายมักพลาดโดยไม่รู้ตัว จนส่งผลถึงความเสี่ยงด้านภาษี การตรวจสอบจากหน่วยงานรัฐ หรือปัญหางบการเงินไม่ผ่านการตรวจสอบ
บทความนี้ จะพาคุณเข้าใจอย่างเป็นระบบ ว่าใน 12 เดือนแรกหลังจดทะเบียนบริษัท ต้องทำอะไรบ้าง วางระบบบัญชีอย่างไร จัดการภาษีแบบไหน และควรเตรียมตัวอย่างไรเพื่อให้บริษัทเติบโตอย่างมั่นคง ปลอดภัย และเป็นระบบตั้งแต่วันแรก
ปรึกษางานวางระบบบัญชี คลิก
.jpg)
ทำไม 12 เดือนแรกของบริษัทใหม่จึงสำคัญที่สุด
สำหรับหลายธุรกิจ การจดทะเบียนบริษัทมักเป็นเพียงการเริ่มต้นกิจการเท่านั้น แต่สิ่งที่ท้าทายกว่าคือ “การจัดการหลังจากนั้น” โดยเฉพาะเรื่องบัญชีและภาษี ซึ่งเกี่ยวข้องกับทุกการตัดสินใจของธุรกิจ เช่น การรับเงิน การจ่ายเงิน การลงทุน การจัดการต้นทุน การขอสินเชื่อ และการปิดงบการเงินประจำปี
12 เดือนแรกคือช่วงเวลาทองของบริษัทใหม่ เพราะเป็นช่วงที่ต้องจัดวางโครงสร้างพื้นฐานทางบัญชีและภาษี หากวางไม่ดีตั้งแต่แรกจะส่งผลถึงปัญหาสำคัญหลายด้าน เช่น
ข้อมูลบัญชีไม่ครบถ้วน
ออกเอกสารไม่ถูกต้อง
ภาษียื่นผิดประเภท
ค่าใช้จ่ายไม่สามารถบันทึกได้
เอกสารตรวจสอบย้อนหลังไม่พร้อม
จึงไม่แปลกที่คำค้น Google จะเต็มไปด้วยคำถามอย่าง หลังจดทะเบียนบริษัทต้องทำอะไร ต่อภาษีอะไรบ้าง ต้องยื่นเอกสารอะไร? ซึ่งสะท้อนว่าหลายธุรกิจยังไม่เข้าใจระบบนี้อย่างชัดเจน
12 เดือนแรกหลังจดทะเบียนบริษัทต้องทำอะไร?
เพื่อให้เห็นชัดเจน เราจะอธิบายแบบ Step-by-Step ในแต่ละระยะเวลา
ขั้นตอนที่ 1 เดือนแรกหลังจดทะเบียนบริษัท
1.1 เปิดบัญชีธนาคารบริษัท
ถือเป็นกฎพื้นฐานของการทำบัญชีและภาษี
ห้าม ใช้บัญชีส่วนตัวรับเงินบริษัทเด็ดขาด
ข้อดี
ชัดเจนว่าธุรกิจมีกระแสเงินสดจริง
ใช้ยื่นภาษีได้
ใช้ประกอบการขอสินเชื่อธุรกิจ
1.2 เตรียมระบบเอกสารและการจัดเก็บ
สิ่งที่บริษัทใหม่ต้องเตรียมให้ครบตั้งแต่วันแรกคือ
เอกสารรายรับ รายจ่าย
ใบแจ้งหนี้ ใบวางบิล
เอกสารจ่ายเงินเดือนพนักงาน
สัญญาว่าจ้างหรือคู่ค้าต่าง ๆ
ระบบจัดเอกสารที่ดีจะช่วยประหยัดภาษีได้ และลดความเสี่ยงเมื่อมีการตรวจสอบ
ขั้นตอนที่ 2 เดือนที่ 2–6 ต้องเริ่มวางระบบบัญชีและภาษีอย่างจริงจัง
นี่คือช่วงที่เจ้าของกิจการหลายคนเริ่มเข้าใจว่า
การจดทะเบียนบริษัทไม่ใช่แค่การเริ่มธุรกิจ แต่คือการเริ่มต้นทำบัญชีภาษีแบบมืออาชีพ
วางระบบบัญชีพื้นฐานให้พร้อม
เนื้อหาสำคัญประกอบด้วย
2.1 เลือกโปรแกรมบัญชี
โปรแกรมบัญชีช่วยให้บริษัทใหม่
ตรวจสอบเอกสารได้ทุกเดือน
บันทึกค่าใช้จ่ายตั้งแต่วันแรก
ออกเอกสารบัญชีได้ถูกต้อง
คีย์เวิร์ดยอดนิยมด้านนี้ ได้แก่
โปรแกรมบัญชี Express, FlowAccount, PEAK, TRCLOUD, ERP, โปรแกรมบัญชีออนไลน์
2.2 แต่ละเดือนต้องยื่นภาษีอะไร?
หลายบริษัทไม่รู้ว่าหลังจดทะเบียน ต้องยื่นภาษี 2 ประเภทหลัก คือ
ภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย (ภ.ง.ด. 3, 53)
ภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) – ถ้าจดทะเบียน
ความผิดพลาดที่เจอบ่อย
ไม่ยื่นภาษีทุกเดือน
ยื่นภาษีผิดประเภท
ยื่นช้า เสียค่าปรับ
ปรึกษางานวางระบบบัญชี คลิก
.jpg)
ขั้นตอนที่ 3 เดือนที่ 7–9 เริ่มวิเคราะห์ตัวเลขบัญชี
หลายธุรกิจทำบัญชีและเก็บเอกสาร แต่ไม่เคยนำตัวเลขมาวิเคราะห์เลย ซึ่งถือเป็นการพลาดโอกาสสำคัญ เพราะตัวเลขบัญชีช่วยตอบคำถาม เช่น
ขายดีจริงไหม?
ต้นทุนสูงไปหรือไม่?
ประเภทรายจ่ายไหนไม่เหมาะสม?
กำไรอยู่ตรงไหน?
กระแสเงินสดเริ่มมีปัญหาหรือไม่?
การวิเคราะห์งบกำไรขาดทุน (P&L) และกระแสเงินสด (Cashflow) เป็นสิ่งที่บริษัทต้องทำตั้งแต่ปีแรก
สิ่งที่บริษัทต้องเจอในปีแรกที่จะต้องระวัง
1. ปัญหาเอกสารที่ไม่ครบ
ตัวอย่างเช่น
ไม่มีใบกำกับภาษี
ใช้ใบเสร็จผิดประเภท
ใช้เอกสารจากบัญชีส่วนตัว
ผลลัพธ์
ค่าใช้จ่ายไม่สามารถบันทึกได้
มีความเสี่ยงถูกเรียกตรวจภาษีย้อนหลัง
ขอคืนภาษีไม่ได้
2. ภาษีค้างชำระและเบี้ยปรับ
กรณีนี้เกิดขึ้นเพราะ
ไม่รู้ว่าต้องยื่นภาษีทุกเดือน
ไม่รู้กำหนดเวลายื่นภาษี
3. ไม่มีการวางระบบเงินเดือน
เงินเดือนและประกันสังคมต้องจัดทำอย่างเป็นระบบ รวมทั้ง
สลิปเงินเดือน
ภาษีหัก ณ ที่จ่าย
ภาษีเงินเดือนพนักงาน
ขั้นตอนสำคัญที่สุดในปีแรก จัดทำรอบบัญชีรายเดือน
บริษัทใหม่ต้องจัดทำบัญชีเป็นรายเดือนตั้งแต่วันแรก
การบันทึกบัญชีรายเดือน (Monthly Accounting) จะช่วยให้เจ้าของธุรกิจทราบข้อมูลเหล่านี้ทันที
ผู้ซื้อ – ผู้ขาย – ลูกหนี้
รายจ่าย – ต้นทุน
ภาษีซื้อ – ภาษีขาย
กำไร / ขาดทุนรายเดือน
ระบบนี้จะส่งผลต่อความพร้อมของบริษัทในการ
ยื่นงบการเงินปลายปี
สมัครสินเชื่อธนาคาร
บริหารกระแสเงินสด
ปรึกษางานวางระบบบัญชี คลิก
.jpg)
เดือนที่ 10–12 คือช่วงเตรียมปิดงบการเงิน
ต้องเตรียมอะไรบ้าง?
ตรวจเอกสารทางบัญชีย้อนหลังทั้งปี
ตรวจภาษีซื้อ–ภาษีขาย
ตรวจลำดับใบกำกับภาษี
ตรวจรายรับ–รายจ่าย
ตรวจรายการยกยอดทางบัญชี
ผู้สอบบัญชีต้องตรวจสอบเอกสารทั้งหมดนี้
และจะลงนามได้ก็ต่อเมื่อบัญชีครบถ้วนถูกต้อง
ภาษีที่ต้องรู้ในปีแรกของบริษัท
เพื่อให้เข้าใจง่าย เราสรุปเป็นภาพรวมดังนี้
1. ภาษีหัก ณ ที่จ่าย
ยื่นทุกเดือน
2. VAT (ถ้ามี)
ยื่นทุกเดือน
3. ภาษีเงินได้นิติบุคคลครึ่งปี (ภ.ง.ด.51)
ยื่นเดือนที่ 6 ของปีแรก
4. ภาษีเงินได้นิติบุคคลประจำปี (ภ.ง.ด.50)
ยื่นเดือนที่ 12 หรือเมื่องบปิดเสร็จ
ทำไมหลายธุรกิจพลาดในปีแรก?
เพราะเข้าใจผิดว่า
“บริษัทไม่มีรายได้ ก็ไม่ต้องทำบัญชี”
ผิด!
กฎหมายกำหนดชัดเจนว่า
ทุกบริษัทต้องจัดทำบัญชีและยื่นภาษีทุกเดือน
ไม่ว่าจะมีรายได้หรือไม่
ถ้าปล่อยไว้ 1 ปี จะเจอปัญหา
ปิดงบไม่ได้
งบไม่เป็นระเบียบ
ภาษีผิดประเภท
ย้อนตรวจเอกสารไม่ได้
วิธีหลีกเลี่ยงความผิดพลาดด้านบัญชี–ภาษีปีแรกของบริษัท
1. แยกบัญชีเงินบริษัทออกจากบัญชีส่วนตัว
การนำเงินส่วนตัวปะปนกับบริษัทเป็นสิ่งที่ผิดตั้งแต่พื้นฐาน
2. ใช้โปรแกรมบัญชี
ช่วยให้ตรวจสอบข้อมูลย้อนหลังได้
3. ส่งเอกสารให้สำนักงานบัญชีทุกเดือน
4. รับคำปรึกษาจากผู้เชี่ยวชาญภาษี
ระบบบัญชีที่ดีควรออกแบบอย่างไร?
ระบบบัญชีต้องตอบคำถามสำคัญ 3 เรื่อง
1. ธุรกิจมีกำไรจากไหน?
ต้องวิเคราะห์ยอดขายและต้นทุน
2. เงินหายไปทางไหน?
ตรวจสอบค่าใช้จ่ายและการโอนเงิน
3. ทำอย่างไรให้ธุรกิจเติบโตได้อย่างยั่งยืน?
ใช้ข้อมูลบัญชีในการวางแผนธุรกิจ
ปรึกษางานวางระบบบัญชี คลิก
Checklist ระบบบัญชีของบริษัทในปีแรก
เปิดบัญชีธนาคาร
วางระบบเอกสาร
ทำบัญชีรายเดือน
ออกใบกำกับภาษีถูกต้อง
บันทึกสมุดรายวัน
ตรวจภาษีซื้อ–ภาษีขายทุกเดือน
ยื่นภาษีให้ตรงเวลา
คุยกับสำนักงานบัญชีเป็นประจำ
สรุปแบบเข้าใจง่าย
การจดทะเบียนบริษัทไม่ใช่จุดสิ้นสุด แต่เป็นจุดเริ่มต้นของการทำบัญชีและภาษีแบบมืออาชีพ ใน 12 เดือนแรกสิ่งสำคัญที่สุดคือ
วางระบบบัญชีตั้งแต่วันแรก
ใช้บัญชีออนไลน์ / โปรแกรมบัญชี
จัดทำบัญชีรายเดือน
ยื่นภาษีทุกเดือน
เตรียมตัวปิดงบการเงินตั้งแต่เดือนแรก
ถ้าต้องการความมั่นคงทางบัญชีภาษี
ต้องวางระบบให้ถูกต้องตั้งแต่ปีแรก และไม่ควรปล่อยให้บัญชีค้าง