สิทธิในการอุทธรณ์ภาษีอากร
ในฐานะผู้ประกอบการ ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจขนาดเล็กหรือใหญ่ การเสียภาษีอย่างถูกต้องคือหนึ่งในหน้าที่สำคัญที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ แต่เมื่อเกิดกรณีที่กรมสรรพากรส่ง “หนังสือประเมินภาษี” มาและคุณพบว่ามีความคลาดเคลื่อน หรือไม่เห็นด้วยกับยอดที่ถูกประเมิน คำถามแรกที่คุณควรถามตัวเองคือ “เรายังมีสิทธิอะไรบ้าง?”
คำตอบคือ คุณมี “สิทธิในการอุทธรณ์ภาษีอากร” ซึ่งเป็นกลไกทางกฎหมาย ที่ช่วยปกป้องผู้เสียภาษีจากการประเมินที่อาจไม่ถูกต้อง แต่เจ้าของกิจการจำนวนมากกลับ ไม่รู้สิทธิของตน หรือ ยื่นอุทธรณ์ไม่ทันเวลาทำให้ต้องเสียภาษีที่อาจไม่ควรต้องเสีย
บทความ สำนักงานบัญชี พีทูพี นี้จะพาคุณรู้จัก สิทธิในการอุทธรณ์ภาษีอากร ตั้งแต่พื้นฐานกรณีที่ใช้ได้ ขั้นตอน วิธีการ และการวางแผนที่ถูกต้อง พร้อมแนวทางปรึกษาผู้เชี่ยวชาญให้คุณ “รู้ทัน” ก่อนถูกประเมินภาษีผิด
ติดต่อทีมที่ปรึกษาบัญชีภาษี คลิก
สิทธิในการอุทธรณ์ภาษีอากร คืออะไร?
สิทธิในการอุทธรณ์ภาษีอากร หมายถึง สิทธิของผู้เสียภาษีที่จะไม่ยอมรับการประเมินภาษีจากเจ้าพนักงานหากเห็นว่าการประเมินนั้นไม่ถูกต้องหรือไม่เป็นธรรม โดยสามารถใช้สิทธินี้ได้ตามประมวลรัษฎากร มาตรา 30 ทวิ ซึ่งกำหนดให้บุคคลที่ได้รับหนังสือแจ้งประเมินภาษี มีสิทธิคัดค้านโดยการ “ยื่นคำอุทธรณ์” ภายในระยะเวลาที่กฎหมายกำหนด
สิทธินี้ไม่ใช่เพียงช่องทางให้ผู้เสียภาษีร้องเรียนเท่านั้นแต่ยังเป็น “กลไกในการรักษาผลประโยชน์ของกิจการ” และเป็นพื้นฐานของหลักธรรมาภิบาลทางภาษีในระบบกฎหมายไทย
กรณีใดบ้างที่สามารถใช้สิทธิอุทธรณ์ภาษีได้?
ไม่ใช่ทุกกรณี ที่สามารถอุทธรณ์ได้ สิทธิในการอุทธรณ์สามารถใช้ได้เฉพาะในกรณีที่คุณได้รับ “หนังสือประเมินภาษี” จากเจ้าพนักงาน และ มีประเด็นที่คุณเห็นว่า ไม่ตรงกับข้อเท็จจริง หรือ ผิดหลักภาษี เช่น
ถูกประเมิน VAT เกินความเป็นจริงจากยอดรายได้
บางครั้งเจ้าพนักงานตีความว่ายอดรายรับต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่มทั้งจำนวนโดยไม่นำเงื่อนไขการยกเว้น หรือรายรับที่ไม่อยู่ในฐานภาษีมาพิจารณา ส่งผลให้ผู้ประกอบการต้องเสียVAT เกินกว่าที่ควร ทั้งที่ตามกฎหมายบางรายรับอาจไม่อยู่ในฐานภาษี VAT
เจ้าพนักงานไม่ยอมรับต้นทุนหรือค่าใช้จ่ายบางรายการ
รายการต้นทุน หรือค่าใช้จ่ายบางอย่าง เช่น ค่าการตลาดหรือค่าสาธารณูปโภค อาจไม่ถูกยอมรับหากไม่มีเอกสารสนับสนุนครบถ้วน ส่งผลให้ยอดกำไรสุทธิเพิ่มขึ้น และถูกประเมินภาษีเงินได้นิติบุคคลในจำนวนที่สูงเกินจริง
รายการภาษีซื้อไม่ได้รับการยอมรับเป็นเครดิต
ภาษีซื้อที่เกิดจากการซื้อสินค้า/บริการ อาจถูกตัดสิทธิ์หักภาษีหากเอกสารไม่สมบูรณ์ หรือไม่ได้ระบุชื่อผู้เสียภาษีอย่างถูกต้อง หากไม่ได้รับเครดิตVAT ผู้ประกอบการจะต้องจ่าย VAT เต็มจำนวนโดยไม่ได้รับสิทธิหักคืนที่ควรจะได้ตามกฎหมาย
มีความคลาดเคลื่อนจากการตีความกฎหมายภาษี
ในบางกรณี กรมสรรพากรและผู้ประกอบการอาจตีความข้อกฎหมายต่างกัน เช่นการถือเป็นรายได้หรือค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องโดยตรงกับกิจการหรือไม่ การอุทธรณ์จึงจำเป็นเพื่อให้เกิดการวินิจฉัยโดยคณะกรรมการกลางที่มีความเข้าใจกฎหมายลึกซึ้งมากขึ้น
กรณีเอกสารภาษีบางส่วนสูญหาย หรือไม่สามารถอธิบายได้ทันที
หากเอกสารสูญหายจากเหตุสุดวิสัย เช่น น้ำท่วมหรือไฟไหม้และยังไม่ได้จัดเตรียมคำชี้แจงอย่างครบถ้วน เจ้าหน้าที่อาจประเมินภาษีโดยไม่รับรู้รายการดังกล่าวซึ่งสามารถยื่นอุทธรณ์พร้อมหลักฐานเสริมภายหลังได้
ในหลายครั้ง ผู้ประกอบการอาจไม่ทันสังเกตว่า “สิ่งที่ประเมินมา”ไม่ตรงกับความเป็นจริง จึงปล่อยผ่านไปจนเสียโอกาสในการอุทธรณ์
ติดต่อทีมที่ปรึกษาบัญชีภาษี คลิก
ขั้นตอนการอุทธรณ์ภาษีอย่างถูกต้อง
สิทธิในการอุทธรณ์จะมีประโยชน์ ก็ต่อเมื่อดำเนินการ “ทันเวลา” และ“ถูกต้อง” ตามขั้นตอนต่อไปนี้
ขั้นตอนที่ 1 ตรวจสอบหนังสือประเมิน
เมื่อได้รับหนังสือภาษี (ภ.พ.ร.ด. หรือ ภ.ง.ด.)ควรอ่านทุกข้ออย่างละเอียด โดยเฉพาะยอดที่ประเมิน รายการภาษีที่คิดเพิ่มเติมและเหตุผลของการประเมิน
ขั้นตอนที่ 2 ยื่นคำอุทธรณ์ภายใน 30 วัน
ผู้เสียภาษีมีสิทธิยื่นอุทธรณ์ต่อเจ้าพนักงานภาษีภายใน 30 วันนับจากวันที่ได้รับหนังสือแจ้ง หากเกินกำหนดจะ “หมดสิทธิ์”และต้องชำระภาษีตามที่ประเมินไว้
ขั้นตอนที่ 3 จัดทำหนังสืออุทธรณ์พร้อมหลักฐาน
ในหนังสืออุทธรณ์ ต้องอธิบายเหตุผลในการไม่เห็นด้วย พร้อมแนบหลักฐานเช่น
- รายงานภาษีซื้อ–ภาษีขาย
- เอกสารประกอบการลงบัญชี
- หนังสือชี้แจงจากผู้สอบบัญชี (ถ้ามี)
ขั้นตอนที่ 4 ส่งคำอุทธรณ์และติดตามผล
หลังส่งคำอุทธรณ์ ต้องรอการพิจารณาจาก“คณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ภาษี” ซึ่งอาจใช้เวลาหลายเดือนและอาจต้องเข้าชี้แจงเพิ่มเติม
ติดต่อทีมที่ปรึกษาบัญชีภาษี คลิก
ถ้าหมดสิทธิ์อุทธรณ์ จะเกิดอะไรขึ้น?
หากไม่ยื่นอุทธรณ์ภายในระยะเวลาที่กำหนด จะถือว่า “ยอมรับการประเมิน”โดยปริยาย และจะต้องดำเนินการ
ชำระภาษีเต็มจำนวนที่ถูกประเมิน
หากไม่อุทธรณ์ทันเวลาผู้ประกอบการต้องยอมรับยอดภาษีทั้งหมดตามหนังสือประเมินโดยไม่มีสิทธิขอลดหย่อนใด ๆ
เสียเบี้ยปรับ และเงินเพิ่ม หากชำระล่าช้า
เมื่อชำระภาษีไม่ตรงกำหนดจะถูกคิดค่าปรับและดอกเบี้ยเพิ่มตามอัตราที่กฎหมายกำหนด อาจสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ
ไม่สามารถย้อนกลับไปแก้ไขหรือโต้แย้งได้
สิทธิในการอุทธรณ์มีกรอบเวลาชัดเจนหากพ้นกำหนดถือว่ายอมรับผลการประเมินและไม่สามารถโต้แย้งย้อนหลังได้
มีผลกระทบต่อเครดิตธุรกิจและงบการเงิน
ภาษีที่ถูกประเมินเกินจริงจะกระทบงบกำไรขาดทุนส่งผลให้ความน่าเชื่อถือของธุรกิจต่อสถาบันการเงินลดลง
ในบางกรณี อาจจำเป็นต้องนำเรื่องขึ้นสู่ศาลภาษีอากรซึ่งใช้เวลาและค่าใช้จ่ายสูงกว่าการอุทธรณ์ในชั้นสรรพากรอย่างมาก
เอกสารสำคัญในการยื่นอุทธรณ์ภาษี
การเตรียมเอกสารเป็นหัวใจสำคัญของความสำเร็จในการอุทธรณ์ซึ่งควรรวบรวมให้ครบถ้วนและจัดเรียงอย่างมีระบบ
หนังสืออุทธรณ์ที่จัดทำอย่างถูกต้อง
ต้องมีรูปแบบครบถ้วน อธิบายเหตุผลการไม่เห็นด้วยกับการประเมินพร้อมอ้างอิงข้อกฎหมายหรือข้อเท็จจริงชัดเจน
สำเนาหนังสือแจ้งประเมินภาษี
เป็นเอกสารต้นเรื่องที่ใช้เป็นหลักฐานอ้างอิงในการอุทธรณ์ต้องแนบแนบฉบับเต็มพร้อมหน้าแนบท้าย (ถ้ามี)
รายงานภาษีซื้อ–ภาษีขาย
ช่วยแสดงรายละเอียดการเสียภาษี VAT รายเดือนซึ่งอาจใช้ยืนยันสิทธิหักภาษีซื้อหรือโต้แย้งยอดภาษีขาย
งบการเงินและบันทึกบัญชี
ใช้เป็นหลักฐานแสดงรายรับ–รายจ่าย และสภาพทางการเงินของกิจการที่สามารถพิสูจน์ข้อเท็จจริงทางภาษี
สัญญา หรือใบเสร็จรับเงินที่เกี่ยวข้อง
ช่วยยืนยันการทำธุรกรรมตามจริง เช่น การซื้อขายหรือรับจ้างซึ่งอาจขัดแย้งกับข้อกล่าวหาในหนังสือประเมิน
คำชี้แจงจากผู้ทำบัญชี หรือผู้สอบบัญชี (ถ้ามี)
เป็นเอกสารสนับสนุนด้านเทคนิค ช่วยให้การอุทธรณ์มีน้ำหนักมากขึ้นโดยอธิบายตามหลักบัญชีหรือภาษีที่ถูกต้อง
ติดต่อทีมที่ปรึกษาบัญชีภาษี คลิก
ทำไมควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านภาษี?
เรื่องภาษีและการอุทธรณ์ภาษีไม่ใช่เรื่องที่ควรทำคนเดียวเพราะมีความเสี่ยงสูง หากผิดพลาดอาจทำให้เสียภาษีโดยไม่จำเป็น และยิ่งไปกว่านั้นอาจมีความผิดตามกฎหมาย
ข้อดีของการมีที่ปรึกษาภาษีมืออาชีพ
วิเคราะห์ความถูกต้องของหนังสือประเมิน
ช่วยตรวจสอบว่ารายการประเมินภาษีมีความครบถ้วน ถูกต้องหรือมีข้อคลาดเคลื่อนทางบัญชีและกฎหมายหรือไม่
ประเมินโอกาสในการอุทธรณ์ได้สำเร็จ
ใช้ประสบการณ์ในการวิเคราะห์ข้อกฎหมายและแนวคำวินิจฉัยเพื่อประเมินความเป็นไปได้ของผลการอุทธรณ์
ช่วยจัดทำเอกสารอุทธรณ์ให้ครบถ้วน
รวบรวมและจัดเรียงเอกสารอย่างเป็นระบบพร้อมจัดทำคำอธิบายที่ชัดเจนตรงประเด็น ถูกต้องตามหลักของกรมสรรพากร
เป็นตัวแทนประสานกับเจ้าหน้าที่สรรพากร
ช่วยพูดคุยและชี้แจงรายละเอียดในนามของผู้ประกอบการลดความผิดพลาดในการสื่อสารและเร่งรัดผลให้รวดเร็วขึ้น
ลดความกังวลให้กับผู้ประกอบการอย่างแท้จริง
มีผู้เชี่ยวชาญคอยดูแลทุกขั้นตอนทำให้เจ้าของธุรกิจมั่นใจและไม่ต้องกังวลกับกระบวนการอุทธรณ์ที่ซับซ้อน
ข้อควรระวังในการใช้สิทธิอุทธรณ์ภาษี
แม้จะมีสิทธิในการอุทธรณ์ภาษีแต่หากใช้โดยขาดความเข้าใจหรือดำเนินการผิดขั้นตอน อาจทำให้เสียสิทธิโดยไม่ตั้งใจเช่น ยื่นเกินระยะเวลา 30 วัน, อธิบายเหตุผลไม่ชัดเจน, ใช้เอกสารไม่ถูกต้องหรือให้ข้อมูลขัดแย้งกับหลักฐานบัญชีเดิม นอกจากนี้การอุทธรณ์แบบไม่รอบคอบยังอาจส่งผลต่อความน่าเชื่อถือของกิจการต่อกรมสรรพากรในอนาคต
ทางออกที่ดีคือ การปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านภาษีเพื่อช่วยตรวจสอบและดำเนินการอย่างเป็นระบบช่วยให้การใช้สิทธินี้เกิดประโยชน์สูงสุด ไม่กลายเป็นจุดอ่อนทางภาษีในภายหลัง
ติดต่อทีมที่ปรึกษาบัญชีภาษี คลิก
สรุป รู้สิทธิ รู้ทัน ป้องกันความเสียหายทางภาษี
“สิทธิในการอุทธรณ์ภาษีอากร”เป็นสิทธิทางกฎหมายที่ช่วยให้ผู้ประกอบการสามารถคัดค้านการประเมินภาษีที่ไม่ถูกต้องได้อย่างเป็นธรรมหากใช้สิทธิอย่างถูกต้องและทันเวลา จะช่วยลดภาระภาษีหลักหมื่นถึงหลักแสนบาทได้อย่างมีนัยสำคัญ
อย่ารอจนหมดสิทธิ์ เพราะเมื่อเลยกำหนดแล้ว โอกาสแก้ไขจะเหลือน้อยมากหากคุณไม่มั่นใจในหนังสือประเมินภาษีที่ได้รับ รีบปรึกษาผู้เชี่ยวชาญทันทียิ่งรู้เร็ว ยิ่งมีโอกาสรักษาผลประโยชน์ของธุรกิจคุณได้ครบถ้วน
ติดต่อทีมที่ปรึกษาบัญชีภาษี คลิก