เข้าใจรายจ่ายต้องห้ามทางภาษี
ในการดำเนินธุรกิจ สิ่งที่ผู้ประกอบการจำนวนไม่น้อยมองข้ามคือ "รายจ่ายต้องห้าม" ซึ่งหากมีการนำไปลงบัญชีเป็นค่าใช้จ่ายโดยไม่ถูกต้อง จะส่งผลกระทบต่อการเสียภาษีโดยตรง เนื่องจากสรรพากรมีสิทธิ์ “บวกกลับ” รายจ่ายนั้น ๆ เข้ากำไรสุทธิ ทำให้ต้องจ่ายภาษีเพิ่ม และอาจนำไปสู่การเสียเบี้ยปรับ เงินเพิ่ม หรือถูกตรวจสอบย้อนหลัง
ดังนั้น บทความนี้ สำนักงานบัญชี พีทูพี จะพาเจ้าของธุรกิจและ SME ไปเข้าใจว่า รายจ่ายต้องห้ามคืออะไร มีกี่ประเภท และควรจัดการอย่างไรให้ถูกต้องตามมาตรา 65 ตรี แห่งประมวลรัษฎากร เพื่อป้องกันความเสี่ยงทางบัญชีและภาษีอย่างยั่งยืน
ปรึกษางานบัญชีภาษี คลิก
รายจ่ายต้องห้าม คืออะไร?
รายจ่ายต้องห้าม (Forbidden Expense) หมายถึง ค่าใช้จ่ายที่ไม่สามารถนำมาหักลดหย่อนเพื่อคำนวณภาษีเงินได้นิติบุคคลได้ตามกฎหมาย แม้จะมีการจ่ายจริงในกิจการก็ตาม หากรายจ่ายนั้นไม่เป็นไปตามหลักเกณฑ์ของประมวลรัษฎากร มาตรา 65 ตรี
กล่าวอีกนัยหนึ่งคือ รายจ่ายต้องห้าม = รายจ่ายที่ถูกตัดสิทธิ์หักภาษี แม้ธุรกิจจะเสียเงินจริง แต่ไม่สามารถนำมาเป็นต้นทุนในการคำนวณกำไรสุทธิได้
มีกี่ประเภท? รายจ่ายต้องห้ามหลัก ที่ผู้ประกอบการควรรู้
ประมวลรัษฎากร มาตรา 65 ตรี กำหนดรายจ่ายต้องห้ามไว้หลากหลายกรณี โดยสามารถสรุปเป็น 10 ประเภทสำคัญ ที่พบบ่อยในธุรกิจ ดังนี้
1. รายจ่ายที่ไม่เกี่ยวข้องกับการหากำไร
เช่น การเลี้ยงสังสรรค์ส่วนตัว, ค่าใช้จ่ายงานบุญส่วนตัวของเจ้าของกิจการ, ค่าเดินทางไปพักผ่อนส่วนตัว ฯลฯ ซึ่งไม่เกี่ยวข้องกับการดำเนินธุรกิจ
✅ แนะนำ ธุรกิจควรแยกบัญชีรายจ่ายส่วนตัวออกจากรายจ่ายบริษัทอย่างชัดเจน
2. รายจ่ายที่ขาดหลักฐานเอกสารตามมาตรฐาน
เช่น การซื้อของโดยไม่มีใบเสร็จ, การจ่ายเงินสดโดยไม่มีใบสำคัญจ่าย (Payment Voucher) หรือไม่มีชื่อผู้ขายที่ถูกต้อง ฯลฯ
✅ แนะนำ จัดระบบเอกสารให้ครบ เช่น ใบกำกับภาษีเต็มรูป, ใบส่งของ, ใบสั่งซื้อ ฯลฯ เพื่อใช้เป็นหลักฐานภาษี
3. รายจ่ายที่จ่ายให้บุคคลไม่มีเลขประจำตัวผู้เสียภาษี
เช่น ค่าจ้างแรงงานนอกระบบ, ค่ารับจ้างทำของที่ไม่ได้หัก ณ ที่จ่าย หรือไม่ได้ระบุเลขผู้เสียภาษี
✅ ตัวอย่างที่มักพบบ่อยคือ ค่าแรงคนงานก่อสร้างที่จ่ายเป็นเงินสด
4. รายจ่ายเกินอัตราที่กฎหมายกำหนด
โดยเฉพาะ “ค่ารับรองลูกค้า” ที่ต้องไม่เกิน 0.3% ของรายได้ และต้องมีหลักฐานว่าเกี่ยวข้องกับธุรกิจโดยตรง
✅ หากไม่มีรายชื่อผู้รับรอง หรือไม่มีความเกี่ยวข้องกับธุรกิจ ถือว่าเป็นรายจ่ายต้องห้าม
5. รายจ่ายที่เป็นภาษีซ้ำซ้อน
เช่น ภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย, ภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) ที่ไม่สามารถขอคืนได้, หรือ ภาษีที่บริษัทออกให้แทนผู้อื่น
✅ แนะนำ ภาษีซ้ำซ้อนควรตัดออกจากรายจ่ายในการคำนวณกำไรสุทธิ
ปรึกษางานบัญชีภาษี คลิก
6. รายจ่ายที่ไม่เกิดขึ้นจริงหรือฟุ่มเฟือยเกินจำเป็น
เช่น ค่าของขวัญมูลค่าสูงผิดปกติ, ค่าตกแต่งออฟฟิศหรูหราโดยไม่มีความจำเป็น ฯลฯ ซึ่งอาจถูกตีความว่า “ไม่สมเหตุสมผล”
7. รายจ่ายที่ไม่มีการหักภาษี ณ ที่จ่าย
เมื่อมีการจ่ายค่าบริการต่าง ๆ โดยไม่ได้หักภาษี ณ ที่จ่าย อาจถูกพิจารณาให้เป็นรายจ่ายต้องห้าม
✅ แนะนำ ตรวจสอบทุกการจ่ายเงินที่ต้องหัก ณ ที่จ่าย และยื่นแบบภาษี ภ.ง.ด.3 หรือ ภ.ง.ด.53 อย่างถูกต้อง
8. รายจ่ายที่จ่ายให้กับบริษัทในเครือโดยไม่มีราคาตลาด
เช่น บริษัทลูกจ่ายค่าที่ปรึกษาให้บริษัทแม่ โดยไม่มีการวางราคาที่เหมาะสมหรือขาดความโปร่งใส
✅ ควรมีหลักฐานแสดงราคาตลาดหรือราคากลาง เพื่อให้ผ่านการพิจารณาของกรมสรรพากร
9. รายจ่ายที่จ่ายเกินจริง (บวกกลับได้)
เช่น การตั้งค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญเกินจากความเป็นจริง หรือมีการอ้างว่าจ่ายเงินเดือนไปแล้วทั้งที่ไม่ได้จ่ายจริง
10. รายจ่ายที่ไม่เกิดขึ้นในรอบบัญชีนั้น
ค่าธรรมเนียมบางอย่างที่เกิดขึ้นหลังสิ้นงบการเงิน แต่บันทึกย้อนหลัง อาจถือเป็นรายจ่ายต้องห้าม
✅ ตรวจสอบรอบระยะเวลาบัญชีให้แม่นยำ เพื่อหลีกเลี่ยงความผิดพลาด
ปรึกษางานบัญชีภาษี คลิก
ตัวอย่างรายจ่ายต้องห้ามที่พบบ่อยใน SME
ค่าเช่าบ้านผู้บริหารโดยไม่มีสัญญาเช่าหรือไม่เกี่ยวข้องกับการดำเนินธุรกิจ
หากไม่มีสัญญาเป็นลายลักษณ์อักษร หรือบ้านดังกล่าวไม่ได้ใช้เป็นสถานประกอบการ จะถือเป็นรายจ่ายส่วนตัวที่ห้ามนำมาหักภาษี
ค่าจัดเลี้ยงงานส่วนตัวของเจ้าของกิจการ
เช่น งานวันเกิด งานแต่งงาน ที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับธุรกิจหรือไม่ได้เชิญลูกค้าหรือคู่ค้าทางการค้า ถือว่าไม่เกี่ยวข้องกับการหากำไรของบริษัท
ค่าของขวัญปีใหม่ให้ลูกค้าจำนวนมากโดยไม่มีรายละเอียดชื่อผู้รับ
หากไม่มีรายชื่อผู้รับ หรือหลักฐานว่ามีการส่งของขวัญในเชิงธุรกิจ จะไม่สามารถนำมาหักเป็นรายจ่ายได้
ค่าตกแต่งออฟฟิศในส่วนที่เกินจากฟังก์ชันธุรกิจ (เช่น ห้องสปาส่วนตัว)
การตกแต่งที่ไม่เกี่ยวข้องกับการดำเนินธุรกิจ เช่น ห้องพักผ่อนส่วนตัวของผู้บริหาร อาจถือเป็นความฟุ่มเฟือย และถูกจัดเป็นรายจ่ายต้องห้าม
ค่าเดินทางต่างประเทศโดยไม่มีวัตถุประสงค์ทางธุรกิจชัดเจน
หากไม่มีเอกสารยืนยันว่าเป็นการเดินทางเพื่อพบคู่ค้า หรือประชุมงาน จะถือเป็นรายจ่ายส่วนตัว และหักภาษีไม่ได้
ผลเสียหากไม่แยก “รายจ่ายต้องห้าม” ออกจากงบบัญชี
ถูก “บวกกลับ” รายจ่ายที่หักไม่ได้ในการคำนวณกำไรสุทธิ
ทำให้ยอดกำไรสุทธิเพิ่มขึ้น ส่งผลต่อยอดภาษีที่ต้องจ่ายโดยไม่สามารถใช้รายจ่ายเหล่านั้นลดหย่อนภาษีได้
เสียภาษีเงินได้นิติบุคคลเพิ่ม จากกำไรที่ถูกปรับเพิ่ม
รายจ่ายที่ถูกบวกกลับจะทำให้ฐานภาษีสูงขึ้น และบริษัทต้องจ่ายภาษีเพิ่มตามอัตราร้อยละ 20 ของกำไรสุทธิที่เพิ่มขึ้น
มีความเสี่ยงตรวจสอบย้อนหลังจากกรมสรรพากร
หากกรมสรรพากรพบข้อผิดพลาดจากงบปีปัจจุบัน อาจขยายผลไปยังรอบบัญชีย้อนหลัง ทำให้เกิดปัญหาซ้ำซ้อน
ถูกเรียกเก็บเบี้ยปรับและเงินเพิ่มจากยอดภาษีที่ไม่ได้ชำระ
นอกจากต้องจ่ายภาษีย้อนหลังแล้ว ยังต้องเสียเบี้ยปรับร้อยละ 100–200 และเงินเพิ่มจากยอดภาษีที่ตกค้าง
กระทบความน่าเชื่อถือของกิจการในการขอสินเชื่อหรือประเมินราคา
งบการเงินที่มีข้อผิดพลาดหรือต้องแก้ไขย้อนหลัง อาจทำให้สถาบันการเงินไม่อนุมัติสินเชื่อ หรือให้วงเงินต่ำกว่าความต้องการ
ปรึกษางานบัญชีภาษี คลิก
แนวทางป้องกัน และจัดการรายจ่ายต้องห้ามอย่างมืออาชีพ
1. วางระบบบัญชี–ภาษีอย่างมีมาตรฐาน
ใช้โปรแกรมบัญชีที่สามารถแนบเอกสารต้นทาง
ช่วยให้สามารถตรวจสอบรายการย้อนหลังได้อย่างโปร่งใส ลดความผิดพลาด และเป็นหลักฐานสนับสนุนเมื่อตรวจสอบภาษี
กำหนดหมวดหมู่รายจ่ายชัดเจน
เพื่อแยกรายจ่ายที่สามารถหักภาษีได้ออกจากรายจ่ายต้องห้าม ป้องกันการปะปนที่อาจส่งผลเสียต่อภาษีนิติบุคคล
แยกบัญชีส่วนตัว–บัญชีบริษัทอย่างเด็ดขาด
ช่วยให้การจัดทำงบการเงินมีความถูกต้อง และหลีกเลี่ยงการบันทึกรายจ่ายส่วนตัวเป็นค่าใช้จ่ายบริษัทโดยไม่ตั้งใจ
ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่บริการ วางระบบบัญชี ของเรา
2. ตรวจสอบรายจ่ายรายเดือนอย่างละเอียด
ตรวจสอบก่อนนำรายการเข้าบัญชี
เพื่อให้มั่นใจว่ารายจ่ายนั้นมีหลักฐานครบถ้วน ถูกต้องตามมาตรา 65 ตรี และไม่เข้าข่ายรายจ่ายต้องห้ามที่หักภาษีไม่ได้
มีรายการผู้รับเงินชัดเจน
ควรระบุชื่อ–นามสกุล หรือชื่อบริษัทของผู้รับเงินอย่างถูกต้อง เพื่อให้สามารถตรวจสอบย้อนหลังได้ตามเกณฑ์ภาษี
ตรวจสอบเลขประจำตัวผู้เสียภาษีทุกครั้ง
การกรอกเลขประจำตัวผู้เสียภาษีอย่างถูกต้อง เป็นหลักฐานสำคัญในการพิสูจน์ว่าเป็นการจ่ายที่ถูกต้องตามกฎหมาย
3. ขอคำปรึกษาผู้เชี่ยวชาญก่อนวางแผนบัญชีภาษี
สำนักงานบัญชีที่มีประสบการณ์สามารถช่วยกรองรายการที่เป็นรายจ่ายต้องห้ามและแนะนำแนวทางจัดการอย่างมืออาชีพ
หากคุณไม่แน่ใจว่ารายจ่ายของคุณเข้าข่ายต้องห้ามหรือไม่ สามารถปรึกษา ที่ปรึกษาภาษี ของเราได้
4. อบรมพนักงานเกี่ยวกับรายจ่ายต้องห้าม
โดยเฉพาะฝ่ายจัดซื้อ ฝ่ายบัญชี และผู้มีอำนาจอนุมัติ
บุคคลเหล่านี้เกี่ยวข้องกับการเบิกจ่ายโดยตรง หากขาดความรู้เรื่องรายจ่ายต้องห้าม อาจทำให้ธุรกิจบันทึกรายจ่ายผิดประเภทโดยไม่ตั้งใจ
ป้องกันการอนุมัติรายการที่ไม่สามารถหักภาษีได้
การให้ความรู้เชิงกฎหมายและภาษีแก่ผู้อนุมัติ จะช่วยลดความเสี่ยงจากการอนุมัติค่าใช้จ่ายที่ส่งผลกระทบต่อภาษีเงินได้นิติบุคคลในภายหลัง
เชื่อมโยงบทความที่เกี่ยวข้อง
อ่านเพิ่มเติม ค่าใช้จ่ายต้องห้ามที่หักภาษีไม่ได้ มีอะไรบ้าง
ดูบริการ รับทำบัญชี และ รับจดทะเบียนบริษัท เพื่อเริ่มต้นอย่างถูกต้อง
สรุป รายจ่ายต้องห้ามไม่ใช่เรื่องไกลตัว
การทำบัญชีให้ถูกต้องตามกฎหมายภาษี ไม่ใช่เพียงการบันทึกตัวเลข แต่ต้องเข้าใจใน “ประเภทของรายจ่าย” ที่กฎหมายอนุญาตให้หักภาษี และประเภทที่ถือว่าเป็น “รายจ่ายต้องห้าม” ซึ่งหากไม่จัดการให้ถูกต้องตั้งแต่ต้น อาจส่งผลเสียต่อธุรกิจในระยะยาว
การรู้จักและเข้าใจรายจ่ายต้องห้าม พร้อมวางแผนบัญชีให้ถูกต้อง ถือเป็น “ต้นทุนที่คุ้มค่า” กว่าการแก้ไขภายหลังหลายเท่า หากคุณต้องการทีมงานที่ดูแลด้านบัญชี–ภาษีอย่างรอบด้าน สำนักงานบัญชี พีทูพี ยินดีดูแลทุกขั้นตอน
ปรึกษางานบัญชีภาษี คลิก