views

เปิดบริษัทต้องเสียภาษีอะไรบ้าง



ภาษีนั้นไม่ใช่เรื่องซับซ้อน แต่เป็นสิ่งที่คนทั่วไปอาจจะยังไม่คุ้นเคย ในความเป็นจริงแล้ว ถ้าเราให้เวลา และศึกษากับเรื่องภาษีให้มากขึ้น ก็จะสามารถเข้าใจกับระบบภาษีได้ เพราะภาษีนั้นไม่ใช่เรื่องไกลตัว


ยิ่งถ้าใครอยากจดทะเบียนบริษัทเป็นของตัวเองแล้วยิ่งต้อง ศึกษาระบบภาษีเอาไว้ให้ดี เพราะการเปิดบริษัทนั้นก็ต้องจัดทำบัญชียื่นจ่ายภาษีด้วยเช่นกัน หากคุณอยากรู้ว่าเปิดบริษัทต้องเสียภาษีอะไรบ้างต้องไม่พลาดบทความเรื่องนี้


ปรึกษางานบัญชีภาษี

โทรศัพท์ :  097 236 2994

Add Line :  p2pacc


  รับจดทะเบียนบริษัท บริการครบ จบในทุกขั้นตอน


1.ภาษีเงินได้นิติบุคคล

เปิดบริษัทแล้วมีกำไรก็ต้องเสียภาษี ยกเว้นว่าขาดทุนถึงไม่ต้องเสียภาษี หากใครอยากรู้ว่าเปิดบริษัทต้องเสียภาษีอะไรบ้างบอกเลยว่าภาษีด่านแรกที่ต้องเจอก็คือ ภาษีเงินได้นิติบุคคล โดยภาษีเงินได้นิติบุคคลนั้นจะคิดจากกำไรสุทธิของบริษัท คำนวณง่ายๆ


โดยการนำ รายได้ มาลบออกด้วย ค่าใช้จ่ายของบริษัททั้งหมด ก็จะได้เป็น กำไรสุทธิ ซึ่งต้องยื่นจ่ายปีละ 2 ครั้ง ตามปีปฏิทินทั้งภาษีเงินได้นิติบุคคลครึ่งปี ที่เราต้องยื่นภาษีด้วยแบบ ภ.ง.ด. 51 ซึ่งภาษีตัวนี้มีกำหนดยื่นภายใน 2 เดือนนับจากวันครึ่งรอบบัญชี


แต่ถ้าปีไหนรอบบัญชีไม่เต็ม 12 เดือน ก็ไม่จำเป็นต้องยื่นภาษีตัวนี้ และภาษีเงินได้นิติบุคคลเต็มปี ซึ่งเราจะต้องยื่นภาษีด้วยแบบภ.ง.ด. 50 ยื่นภายใน 150 วันนับจากวันสิ้นรอบบัญชี และจำเป็นต้องยื่นทุกปีหลังจากที่จดบริษัทด้วย โดยเกณฑ์ในการจ่ายภาษีของนิติบุคคลนั้น


ปรึกษางานบัญชีภาษี

โทรศัพท์ :  097 236 2994

Add Line :  p2pacc


  แนะนำอ่าน สถานที่ที่จดทะเบียนบริษัท



หากไม่ใช่ SME จะเก็บภาษี 20% แต่ถ้าเป็น SME จะมีการเก็บภาษีแบบขั้นบันไดดังนี้


-หากในปีนั้น คุณมีกำไรไม่เกิน 300,000 บาท คุณไม่ต้องเสียภาษี


-หากในปีนั้น คุณมีกำไรระหว่าง 300,001 – 3,000,000 บาท คุณต้องเสียภาษี 15%


-หากในปีนั้น คุณมีกำไรตั้งแต่ 3,000,000 บาทขึ้นไป คุณต้องเสียภาษี 20%


จะเห็นได้ว่าฐานภาษีของนิติบุคคลนั้นเก็บภาษีสูงสุดที่ 20% เท่านั้น แต่ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดานั้น คิดภาษีสูงสุดที่ 35% เลยทีเดียว


ปรึกษางานบัญชีภาษี

โทรศัพท์ :  097 236 2994

Add Line :  p2pacc


  แนะนำอ่าน รับทำบัญชี ยื่นภาษีออนไลน์ ปรึกษาฟรี


2.ภาษีหัก ณ ที่จ่าย


ทราบกันไปแล้วว่าต้องเสียภาษีเงินได้นิติบุคคล แต่เปิดบริษัทแล้วยังต้องเสียภาษีอะไรอีกบ้างนั้นยังเป็นอีกคำถามที่น่าสนใจ โดยอีกหนึ่งภาษี ที่มองข้ามไปไม่ได้ก็คือภาษีที่หัก ณ ที่จ่าย


เป็นภาษีที่คุณต้องหักเงินเอาไว้เมื่อมียอดชำระเกิน 1,000 บาท หากยอดไม่ถึง 1,000 บาทก็จะไม่มีรายการภาษีหัก ณ ที่จ่าย และต้องจะยื่นภาษีหัก ณ ที่จ่ายภายใน 7 วันหลังจากสิ้นเดือนนั้นๆ โดยภาษีหัก ณ ที่จ่ายที่กฎหมายกำหนดไว้มีอยู่ 4 แบบ ได้แก่

 

กรณีหักภาษี ณ ที่จ่าย บุคคลธรรมดา

-คุณจำเป็นต้องยื่นแบบ ภ.ง.ด. 1 ในกรณีที่หักเงินได้ประเภทที่ 1-2


-คุณจำเป็นต้องยื่นแบบ ภ.ง.ด. 2 ในกรณีที่หักเงินได้ประเภทที่ 3-4


-คุณจำเป็นต้องยื่นแบบ ภ.ง.ด. 3 ในกรณีที่หักเงินได้ประเภทที่ 5-8

 

กรณีหักภาษี ณ ที่จ่าย นิติบุคคล ในกรณีนี้นับรวมหมด ไม่ว่าจะเป็นบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนก็ถือว่าเป็นนิติบุคคล

-มีกรณีเดียว คือ ยื่นแบบ ภ.ง.ด.53 สำหรับเงินได้ทุกประเภทที่มีการหัก ณ ที่จ่าย

 

โดยมีอัตราการหักภาษีแตกต่างกันตามประเภทเงินที่จ่ายดังนี้:

-ค่าจ้าง และเงินเดือน ต่ำสุด 0% โดยจะคำนวณตามอัตราก้าวหน้าของแบบภาษีบุคคลธรรมดา


-จ้างทำงานหรือบริการ ต่ำสุด 0% โดยจะคำนวณตามอัตราก้าวหน้าของแบบภาษีบุคคลธรรมดา


-ค่าขนส่ง 1%


-ค่าโฆษณา 2%


-จ้างบริการวิชาชีพอิสระ 3%


-จ้างรับเหมา ทำของ 3%


-ค่าเช่าอสังหาริมทรัพย์ 5%


3.ภาษีมูลค่าเพิ่ม หรือ VAT

อยากรู้กันอีกรึเปล่าว่าเปิดบริษัทต้องเสียภาษีอะไรอีกบ้าง บอกเลยว่าเปิดบริษัทแล้วยังมีภาษีให้เสียเพิ่มเติมอีก ถ้าหากบริษัทของคุณมีรายได้


ถึง 1.8 ล้านบาทต่อปีและไม่ได้ทำธุรกิจที่ยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่ม คุณต้องไปทำการจด VAT ให้ถูกต้องภายใน 30 วัน แต่ถ้ารายได้ไม่ถึง


1.8 ล้านบาทต่อปีก็ไม่ต้องจดภาษีมูลค่าเพิ่ม หรือ VAT โดยภาษีมูลค่าเพิ่มนั้นมาจาก ภาษีขาย – ภาษีซื้อ แล้วนำส่งยอดส่วนต่างมายื่นแบบแสดงรายการ


ภ.พ. 30 ในแต่ละเดือนให้กรมสรรพากร โดยภาษีมูลค่าเพิ่ม หรือ VAT นั้นมีค่าคงที่อยู่ที่ 7% และต้องออกใบเสร็จหรือใบกำกับภาษีให้แก่ลูกค้าด้วยทุกครั้ง

 

4.ภาษีธุรกิจเฉพาะ

รู้กันแล้วนะว่าเปิดบริษัทต้องเสียภาษีอะไรบ้าง ต่อไปเป็นภาษีที่มีเฉพาะบางบริษัทเท่านั้นที่ต้องจ่าย นั่นก็คือ ภาษีธุรกิจเฉพาะ


ในกรณีนี้บริษัทมีหน้าที่ต้องยื่นแบบภาษี ภ.ธ.40 ภายในวันที่ 15 ของเดือนต่อไป หากมีการขายอสังหาริมทรัพย์หรือให้กู้ยืมเงิน


จะต้องเสียภาษีในอัตรา 3.3% ราคานี้รวมอัตราภาษีท้องถิ่นไว้เรียบร้อยแล้ว โดยบริษัทที่ต้องจ่ายภาษีธุรกิจเฉพาะเป็นพิเศษนั้น มีรายการดังต่อไปนี้

-โรงรับจำนำ


-ธุรกิจค้าขายอสังหาริมทรัพย์


-ธนาคารพาณิชย์


-การประกอบกิจการโดยปกติเยี่ยงธนาคารพาณิชย์


-การประกอบธุรกิจเงินทุน ธุรกิจหลักทรัพย์ ธุรกิจเครดิตฟองซิเอร์


-การรับประกันชีวิต

 

5.ภาษีอากรแสตมป์

จะเห็นได้ว่าจะเปิดบริษัททั้งที มีภาษีต้องจ่ายกันไม่น้อย แต่ยังไม่หมดแค่นี้ ถ้ายังอยากรู้ว่าเปิดบริษัทต้องเสียภาษีอะไรเพิ่มเติมอีกบ้าง


บอกเลยว่า เพื่อนๆ ต้องจ่ายภาษีอากรแสตมป์ล่ะ โดยภาษีอากรแสตมป์นั้นเป็นเหมือนค่าธรรมเนียมในการดำเนินการเสียมากกว่า


เพราะต้องใช้แสตมป์ติดบนสัญญาหรือหนังสือและเอกสารต่างๆ ที่ใช้ในการติดต่อกับส่วนราชการ โดยในปัจจุบันภาษีอากรแสตมป์นั้นมีมากถึง


28 ลักษณะตราสาร เช่น ตราสารเช่าที่กับโรงเรือน เช่าซื้อทรัพย์สิน จ้างทำของ กู้ยืมเงิน กรมธรรม์ประกันภัย ใบมอบอำนาจ ใบมอบฉันทะ


สำหรับให้ลงมติในที่ประชุมของบริษัท ค้ำประกัน จำนำ แต่หากค่าภาษีอากรแสตมป์นั้นมีมูลค่าสูง จนไม่สามารถใช้แสตมป์ติดได้ตามความเหมาะสม


ทางบริษัทนั้นจำเป็นต้องขอยื่นแบบคำขอ อ.ส.4 เพื่อชำระค่าอากรแสตมป์ตามมูลค่าจริงแทน คล้ายๆ กับเวลาที่เราไปส่งพัสดุที่ไปรษณีย์


เมื่อค่าใช้จ่ายมีมูลค่าสูง ทางเจ้าหน้าที่จะไม่ได้นำแสตมป์ปกติมาติดทีละดวง แต่จะออกแสตมป์พิเศษตามมูลค่าออกมาให้แทนนั่นเอง

 

6.ภาษีป้าย

เราก็ได้รู้กันมาแล้วว่าเปิดบริษัทต้องเสียภาษีหลักๆอะไรบ้าง แต่ยังมีภาษีอื่นๆ ที่ต้องจ่ายเพิ่มเติมอีกด้วยเช่นกัน อย่างภาษีป้ายก็เป็นอีกหนึ่งภาษี


ที่คนเปิดบริษัทใหม่ต้องจ่าย โดยการติดป้ายชื่อร้าน ยี่ห้อ เครื่องหมายการค้า หรือการโฆษณาร้าน เป็นต้น จะต้องเสียภาษีตามพ.ร.บ.ภาษีป้าย พ.ศ.2510 โดยเก็บภาษีตามลักษณะป้าย ดังนี้


-ในกรณีที่ป้ายที่มีเฉพาะอักษรที่เป็นภาษาไทยล้วนๆ คุณจะต้องจ่ายภาษีป้ายในอัตรา 5,10 บาท ต่อ 500 ตารางเซ็นติเมตร


-ในกรณีที่ป้ายที่มีอักษรภาษาไทยปนกับภาษาต่างประเทศ และ/หรือปนกับภาพ และ/หรือเครื่องหมายอื่น คุณจะต้องจ่ายภาษีป้ายในอัตรา 26, 52 บาท ต่อ 500 ตารางเซ็นติเมตร


-ในกรณีที่ป้ายที่ไม่มีอักษรไทยเลย ในกรณีนี้ถึงจะมีหรือไม่มีภาพหรือเครื่องหมาย รวมไปถึงป้ายที่มีอักษรภาษาไทยอยู่แค่บางส่วน


หรืออักษรภาษาไทยทั้งหมดอยู่ใต้หรือต่ำกว่าอักษรภาษาต่างประเทศ คุณจะต้องจ่ายภาษีป้ายในอัตรา 50, 52 บาท ต่อ 500 ตารางเซนติเมตร

 

7.ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง

อีกหนึ่งภาษีที่ต้องพูดถึงในบทความเปิดบริษัทต้องเสียภาษีอะไรบ้างก็คือ ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง เพราะการเปิดบริษัทนั้นต้องมีที่ตั้ง


ในการจดทะเบียน ถ้าเจ้าของบริษัทเป็นเจ้าของที่ดินและสิ่งปลูกสร้างอยู่แล้ว ก็จะไม่มีภาษีในส่วนนี้ แต่ถ้าหากว่าเจ้าของบริษัทนั้นเช่าอาคาร


ในการเปิดบริษัท ก็จะต้องจ่ายค่าภาษีที่ดิน โดยมีอัตราภาษีที่ต้องเสียหากเป็นที่ดินจะใช้การประเมินทุนทรัพย์สิน และสิ่งปลูกสร้างจะใช้ราคาประเมินทุนทรัพย์สิ่งปลูกสร้าง ดังนี้


-หากทรัพย์สินมีมูลค่า 0-50 ล้านบาท คุณต้องจ่ายภาษีในอัตรา 0.30%


-หากทรัพย์สินมีมูลค่าระหว่าง 50 – 200 ล้านบาท คุณต้องจ่ายภาษีในอัตรา 0.40%


-หากทรัพย์สินมีมูลค่าระหว่าง 200 – 1,000 ล้านบาท คุณต้องจ่ายภาษีในอัตรา 0.50%


-หากทรัพย์สินมีมูลค่าระหว่าง 1,000 – 5,000 ล้านบาท คุณต้องจ่ายภาษีในอัตรา 0.60%


-หากทรัพย์สินมีมูลค่าตั้งแต่ 5,000 ล้านบาท คุณต้องจ่ายภาษีในอัตรา 0.70%


ปรึกษางานบัญชีภาษี

โทรศัพท์ :  097 236 2994

Add Line :  p2pacc


  อ่าน ปิดงบบัญชี นำส่งกรมพัฒน์ กรมสรรพากร


เมื่ออ่านบทความมาถึงตรงนี้แล้ว คุณคงทราบแล้วว่าเปิดบริษัทต้องเสียภาษีอะไรบ้าง แต่ก็อยากจะให้ทบทวนดูยอดกำไรของคุณดูให้ดีก่อน


ว่าเกิน 1 ล้านบาทรึเปล่า เพราะหากยอดกำไรน้อยกว่า การเสียภาษีแบบบุคคลธรรมดาจะทำให้คุณประหยัดเงินค่าใช้จ่ายได้มากกว่า


เนื่องจากการเปิดบริษัทนั้น คุณต้องมีค่าใช้จ่ายในการทำบัญชี และต้องจ่ายค่าตรวจสอบบัญชีเพิ่มเติมด้วย ซึ่งค่าใช้จ่ายตลอดปี


นี้ส่วนนี้มีค่าใช้จ่ายอยู่ประมาณ 107,000 บาท ซึ่งมีมูลค่ามากกว่าส่วนต่างภาษีที่ได้ส่วนลดจากการจดจัดตั้งบริษัทนั่นเอง

 

ปรึกษางานบัญชีภาษี

โทรศัพท์ :  097 236 2994

Add Line :  p2pacc


  แนะนำอ่าน รับสอบบัญชี ออดิท เซ็นต์งบ


นอกจากนี้ ไม่ว่าเมื่อจดบริษัทแล้วจะมีกำไรหรือขาดทุนก็ต้อง ก็ต้องยื่นภาษีทุกปี ไม่มีข้อยกเว้น หากมีกำไรแล้วไม่ยื่นทำเรื่องเสียภาษีอาจโดนเก็บภาษีย้อนหลัง


ซึ่งจะมีค่าปรับตามมาเพิ่มเติม จะทำให้เสียเงินมากกว่าเดิม และเสียเวลาที่ต้องไปดำเนินการติดต่อราชการเองซึ่งอาจจะทำให้ไม่ได้รับความสะดวกเท่าที่ควร


ปรึกษางานบัญชีภาษี

โทรศัพท์ :  097 236 2994

Add Line :  p2pacc


  รับจดทะเบียนห้างหุ้นส่วนจำกัด


บทความที่น่าสนใจ