ขั้นตอนตั้งฝ่ายบัญชีในบริษัทขนาดเล็ก เริ่มจากอะไรบ้าง
.jpg)
การตั้ง “ฝ่ายบัญชี” ในบริษัทขนาดเล็ก ไม่ได้เริ่มจากการซื้อโปรแกรมบัญชีหรือจ้างคนทันที แต่เริ่มจากการวางระบบให้ถูกทิศทาง เพราะบัญชีที่ดีไม่ใช่แค่ปิดงบได้ แต่ต้องทำให้ผู้บริหารเห็นตัวเลขจริง ใช้ตัดสินใจได้ และยื่นภาษีได้ถูกต้อง
บทความนี้สำนักงานบัญชี พีทูพีสรุปขั้นตอน แบบเป็นระบบว่า บริษัทเล็กควรเริ่มจากอะไร จัดทีมอย่างไร และต้องตั้งกติกาเรื่องเอกสารแบบไหน อ่านจบแล้วคุณจะมี “แผนตั้งฝ่ายบัญชี” ที่ทำตามได้จริง ลดปัญหาเอกสารหาย ภาษีพลาด และความเสี่ยงจากการตรวจสอบ
ทำไมบริษัทขนาดเล็กควรตั้งฝ่ายบัญชีให้เป็นระบบตั้งแต่แรก
คำว่า “ฝ่ายบัญชี” สำหรับบริษัทขนาดเล็ก อาจไม่ได้หมายถึงทีมใหญ่เหมือนองค์กรขนาดกลางหรือบริษัทมหาชน แต่หมายถึง “กระบวนการ” ที่ชัดเจนว่า ใครทำอะไร เมื่อไหร่ เอกสารต้องมาจากไหน และตัวเลขทางการเงินถูกสร้างขึ้นอย่างไร
บริษัทเล็กจำนวนมากเริ่มต้นด้วยการให้เจ้าของกิจการทำเอง ใช้ Excel เก็บข้อมูล หรือให้พนักงานธุรการช่วยรวมเอกสาร แล้วค่อยส่งให้สำนักงานบัญชีปลายเดือน วิธีนี้อาจพอใช้ได้ช่วงแรก แต่เมื่อธุรกิจโตขึ้น ความซับซ้อนเพิ่ม ความผิดพลาดจะเกิดง่าย เช่น
เอกสารขายไม่ครบ ใบเสร็จหาย ทำให้บันทึกบัญชีไม่ครบ
ยื่นภาษีล่าช้า ค่าปรับเงินเพิ่มสะสม
ไม่รู้กำไรจริง เพราะรวมรายจ่ายผิดประเภท หรือไม่แยกค่าใช้จ่ายส่วนตัว
เงินเข้าออกไม่ตรงงบ ทำให้คุมกระแสเงินสดไม่ได้
ปิดงบปลายปีแล้ว “แก้ไม่ทัน” เพราะข้อมูลทั้งปีไม่เป็นระบบ
การตั้งฝ่ายบัญชีตั้งแต่แรก คือการลงทุนเพื่อความมั่นคงของธุรกิจ ลดต้นทุนแฝง และทำให้บริษัทเล็กบริหารได้เหมือนบริษัทมืออาชีพ
ปรึกษาวางระบบบัญชี คลิก
.jpg)
ขั้นตอนตั้งฝ่ายบัญชีในบริษัทขนาดเล็ก เริ่มจากอะไรบ้าง (10 ขั้นตอน)
ขั้นที่ 1 กำหนดเป้าหมายของ “ฝ่ายบัญชี” ให้ชัดก่อนเริ่ม
บริษัทขนาดเล็กควรเริ่มจากคำถามง่าย ๆ 3 ข้อ
ผู้บริหารอยากเห็นรายงานอะไรเป็นประจำ (เช่น ยอดขาย กำไรขั้นต้น เงินสดคงเหลือ ลูกหนี้ค้างชำระ)
บริษัทมีความเสี่ยงด้านภาษีจุดไหน (เช่น ออกเอกสารไม่ครบ ซื้อบริการต่างประเทศ ค่าใช้จ่ายไม่มีหลักฐาน)
ทีมงานมีความพร้อมแค่ไหน (มีคนเก็บเอกสารหรือยัง ใช้ระบบออกบิลอะไร)
เมื่อเป้าหมายชัด ฝ่ายบัญชีจะไม่กลายเป็นการ “เก็บเอกสารไปวัน ๆ” แต่เป็นการสร้างระบบที่ตอบโจทย์ธุรกิจจริง เช่น
ทำบัญชีให้ทันทุกเดือน เพื่อรู้กำไรจริงและวางแผนภาษีทัน
ทำรายงานกระแสเงินสด เพื่อคุมเงินหมุนเวียน
ทำระบบเอกสารให้ถูกต้อง เพื่อรองรับการตรวจสอบและการขอสินเชื่อในอนาคต
ขั้นที่ 2 แยกบทบาทคนทำงานให้ชัด ลดปัญหาหาย–ผิด–ซ้ำ
บริษัทเล็กมักมีคนทำหลายหน้าที่ สิ่งที่ต้องระวังคือ “คนเดียวทำทุกอย่าง” เพราะเสี่ยงทั้งเรื่องผิดพลาดและความโปร่งใส
อย่างน้อยควรแยกบทบาท 3 หน้าที่ให้ชัดเจน
ผู้อนุมัติ (Owner/Director) อนุมัติการจ่ายเงินหรือเครดิตสำคัญ
ผู้ทำรายการ (ธุรการ/การเงิน/บัญชี) บันทึก จัดทำเอกสาร จ่ายเงินตามอนุมัติ
ผู้เก็บเอกสาร (อาจเป็นคนเดียวกับผู้ทำรายการได้ แต่ต้องมีมาตรฐานจัดเก็บ)
ถ้าบริษัทเล็กมีบุคลากรจำกัด วิธีที่ทำได้คือ “แยกการอนุมัติออกจากการจ่าย” เช่น
คนทำรายการเตรียมเอกสารการจ่าย
ผู้บริหารตรวจและอนุมัติ
คนทำรายการจ่ายตามที่อนุมัติ พร้อมแนบหลักฐาน
เพียงเท่านี้ก็ลดความเสี่ยงผิดพลาดและปัญหาเอกสารไม่ครบได้มาก
ขั้นที่ 3 ออกแบบผังเอกสาร (Document Flow) ให้ครบ 4 เส้นทางหลัก
การตั้งฝ่ายบัญชีในบริษัทขนาดเล็กให้สำเร็จ ต้องเริ่มจาก “ผังเอกสาร” เพราะบัญชีที่ดีเริ่มจากเอกสารที่ดี
1 เส้นทางขาย (Sales Flow)
ตัวอย่างเอกสารที่เกี่ยวข้อง
ใบเสนอราคา → ใบสั่งซื้อ/สัญญา → ใบส่งของ/ใบส่งมอบงาน → ใบแจ้งหนี้ → ใบเสร็จรับเงิน/ใบกำกับภาษี
ตั้งกติกาว่าเอกสารใดออกโดยใคร เก็บที่ไหน และส่งให้บัญชีเมื่อไหร่
2 เส้นทางซื้อ (Purchase Flow)
ใบขอซื้อ/อนุมัติซื้อ → ใบสั่งซื้อ → ใบรับสินค้า/รับบริการ → ใบแจ้งหนี้/ใบกำกับภาษีจากผู้ขาย → หลักฐานการจ่ายเงิน
บริษัทเล็กมักพลาดตรง “ซื้อแล้วไม่ได้ใบกำกับภาษี” หรือได้เอกสารไม่ครบ ทำให้รายจ่ายใช้เป็นค่าใช้จ่ายทางภาษีไม่ได้
3 เส้นทางรับ–จ่ายเงิน (Cash & Bank Flow)
รายการรับเงิน: สลิปโอนเงิน รายงานรับชำระ ลูกหนี้
รายการจ่ายเงิน: ใบสำคัญจ่าย สลิปโอน เช็ค หลักฐานหัก ณ ที่จ่าย (ถ้ามี)
หากทำธุรกิจออนไลน์ ให้เพิ่มรายงานจากแพลตฟอร์ม/ค่าธรรมเนียม/รายงานโอนยอดสุทธิ
4 เส้นทางเงินเดือน (Payroll Flow)
ข้อมูลพนักงาน/สัญญาจ้าง → โครงสร้างเงินเดือน → รายงานเวลา/โอที → สลิปเงินเดือน → การจ่ายเงินเดือน → ภาษีหัก ณ ที่จ่าย/ประกันสังคม
เงินเดือนเป็นจุดที่ตรวจสอบง่ายและผิดพลาดได้บ่อย จึงควรวางระบบตั้งแต่ต้น
ขั้นที่ 4 ตั้งมาตรฐานเอกสารและการจัดเก็บ (Paper + Digital)
บริษัทขนาดเล็กที่อยากทำงานบัญชีให้ลื่น ต้องมีมาตรฐานจัดเก็บอย่างน้อย 4 เรื่อง
1 เช็คลิสต์เอกสารต่อเดือน
กำหนดว่าทุกสิ้นเดือนต้องมีเอกสารอะไรบ้าง เช่น
เอกสารขายทั้งหมดของเดือน
เอกสารซื้อ/ค่าใช้จ่าย พร้อมใบกำกับภาษี
รายการเดินบัญชีธนาคาร
สรุปเงินสดย่อย
รายงานเงินเดือน/ประกันสังคม
2 ตั้งชื่อไฟล์ให้ค้นง่าย
ตัวอย่างรูปแบบ
ปี-เดือน_ประเภทเอกสาร_คู่ค้า_เลขที่เอกสาร_จำนวนเงิน
เช่น 2025-12_VATซื้อ_ABC_Inv123_15000
3 แยกแฟ้ม “ขาย–ซื้อ–การเงิน–ภาษี–เงินเดือน”
แยกเป็นโฟลเดอร์ชัดเจน ลดเวลาไล่หาเอกสารปลายปี
4 กำหนดผู้รับผิดชอบเอกสาร
ไม่ควรปล่อยให้เอกสารอยู่ตามโต๊ะหรือในไลน์ส่วนตัว เพราะสุดท้ายจะหายและตามไม่ทัน
ขั้นที่ 5 เลือกเครื่องมือให้เหมาะกับบริษัทเล็ก (ไม่จำเป็นต้องแพง แต่ต้องต่อเนื่อง)
การตั้งฝ่ายบัญชีในบริษัทขนาดเล็ก ไม่ได้เริ่มจาก “ซื้อโปรแกรมที่ดีที่สุด” แต่เริ่มจาก “ระบบที่ทีมใช้งานได้จริง”
เครื่องมือที่ควรมีอย่างน้อย
ระบบออกเอกสารขาย (ใบเสนอราคา/ใบแจ้งหนี้/ใบกำกับภาษี)
ระบบบันทึกรายรับรายจ่ายและแยกหมวดหมู่
ระบบจัดเก็บเอกสารออนไลน์
ระบบเงินเดือน (ถ้ามีพนักงาน)
หากบริษัทเริ่มจากศูนย์ สามารถเริ่มด้วยระบบง่าย ๆ ก่อน แล้วค่อยขยายเมื่อธุรกิจโต จุดสำคัญคือการกำหนดขั้นตอนให้ชัดว่า “ข้อมูลจะถูกบันทึกเมื่อไหร่ ใครเป็นคนทำ และตรวจสอบอย่างไร”
.jpg)
ขั้นที่ 6 ตั้งผังบัญชี (Chart of Accounts) ให้สะท้อนธุรกิจจริง
ผังบัญชีคือโครงสร้างหมวดหมู่รายได้ ค่าใช้จ่าย สินทรัพย์ หนี้สิน และทุน
บริษัทเล็กที่ใช้ผังบัญชีแบบกว้างเกินไป มักดูงบแล้วไม่รู้ว่าต้นทุนสูงเพราะอะไร ในทางกลับกัน ถ้าละเอียดเกินไป ทีมทำงานยากและสับสน
หลักการตั้งผังบัญชีที่ดีสำหรับบริษัทขนาดเล็ก
แยกรายได้ตาม “ช่องทางขาย” ที่ต้องการวิเคราะห์จริง (หน้าร้าน/ออนไลน์/โครงการ)
แยกค่าใช้จ่ายที่เป็นตัวขับกำไร (ค่าโฆษณา ค่าขนส่ง ค่าแรง ค่าเช่า)
แยกค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวกับผู้บริหารให้ชัด เพื่อป้องกันสับสนกับค่าใช้จ่ายบริษัท
ตั้งรหัสบัญชีและคำอธิบายให้สื่อความหมาย
สำนักงานบัญชี พีทูพี ช่วยลูกค้า “ตั้งผังบัญชีให้เหมาะกับโมเดลธุรกิจ” เพื่อให้รายงานที่ออกมานำไปใช้บริหารได้จริง ไม่ใช่แค่ปิดงบให้จบปี
ขั้นที่ 7 สร้างตารางงานบัญชีรายเดือน (Monthly Closing) ให้เป็นนิสัยองค์กร
หัวใจของฝ่ายบัญชีบริษัทเล็กคือ “ทำให้ทันทุกเดือน” เพราะปัญหาส่วนใหญ่เกิดจากการปล่อยค้างแล้วไปเร่งปลายปี
ตัวอย่างลำดับงานรายเดือนที่ควรทำ
สัปดาห์ที่ 1: รวบรวมเอกสารขาย–ซื้อของเดือนก่อนให้ครบ
สัปดาห์ที่ 2: ตรวจเอกสารผิดพลาด/ขอเอกสารที่ขาด
สัปดาห์ที่ 3: บันทึกบัญชี กระทบยอดเงินสดและธนาคาร
สัปดาห์ที่ 4: สรุปรายงานผู้บริหาร และเตรียมยื่นภาษีให้ตรงเวลา
สิ่งนี้ช่วยให้ผู้บริหารเห็นกำไรและกระแสเงินสดแบบต่อเนื่อง และลดการแก้ไขข้อมูลจำนวนมากในช่วงปิดงบ
ขั้นที่ 8 วางระบบภาษีให้ถูกต้องตั้งแต่ต้น (VAT/หัก ณ ที่จ่าย/เงินเดือน/ภาษีนิติบุคคล)
บริษัทขนาดเล็กจำนวนมาก “ทำบัญชีได้” แต่ “ภาษีผิด” เพราะไม่เข้าใจจุดเสี่ยงตั้งแต่แรก
1 VAT (ภาษีมูลค่าเพิ่ม)
หากบริษัทจด VAT ต้องมีระบบออกใบกำกับภาษีถูกต้อง บันทึกภาษีซื้อ–ภาษีขาย และยื่นแบบตามกำหนด
จุดพลาดที่พบบ่อยคือ
ใบกำกับภาษีไม่ครบองค์ประกอบ
เอกสารซื้อไม่มีใบกำกับภาษี ทำให้ภาษีซื้อใช้ไม่ได้
บันทึกผิดเดือน ทำให้ยอดภาษีคลาดเคลื่อน
2 ภาษีหัก ณ ที่จ่าย
บริษัทเล็กที่มีการจ้างบริการ เช่น ค่าขนส่ง ค่าที่ปรึกษา ค่าซ่อมบำรุง ค่าเช่า มักเกี่ยวข้องกับภาษีหัก ณ ที่จ่าย
ต้องกำหนดให้ชัดว่า งานไหนต้องหัก ออกหนังสือรับรองเมื่อไหร่ และยื่นแบบให้ตรงเวลา
3 เงินเดือนและภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา
เงินเดือนเกี่ยวข้องกับภาษีหัก ณ ที่จ่ายรายเดือน และประกันสังคม
ควรกำหนดระบบข้อมูลพนักงาน การคำนวณ และการเก็บเอกสารประกอบให้ครบ
4 ภาษีเงินได้นิติบุคคล
ภาษีนิติบุคคลไม่ได้คำนวณตอนปลายปีเท่านั้น หากคุณมีงบรายเดือนที่ดี จะวางแผนภาษีได้ดีขึ้น เช่น
ควบคุมค่าใช้จ่ายที่เข้าหลักฐาน
วางแผนการลงทุน/ค่าเสื่อมราคา
เตรียมเงินสดสำหรับภาษีล่วงหน้า
ขั้นที่ 9 วางระบบควบคุมภายในขั้นต่ำ (Internal Control) สำหรับบริษัทเล็ก
คำว่า “ควบคุมภายใน” ฟังดูเป็นเรื่องใหญ่ แต่บริษัทขนาดเล็กทำได้แบบเรียบง่าย โดยเน้น 5 จุดสำคัญ
แยกคนอนุมัติออกจากคนจ่าย (อย่างน้อยระดับผู้บริหารต้องอนุมัติ)
กระทบยอดบัญชีธนาคารทุกเดือน (Bank Reconciliation)
จำกัดวงเงินเงินสดย่อย และมีใบเบิกทุกครั้ง
ออกเลขที่เอกสารขายเรียงลำดับ ไม่ข้าม ไม่ซ้ำ
ตั้งกฎเรื่องเอกสารค่าใช้จ่าย ว่าต้องมีหลักฐานก่อนเบิก/จ่าย
ระบบเล็ก ๆ เหล่านี้ช่วยป้องกันทั้งความผิดพลาดและความเสี่ยงด้านทุจริตได้อย่างมีนัยสำคัญ
ขั้นที่ 10 ทำรายงานผู้บริหารให้ “อ่านแล้วตัดสินใจได้”
ฝ่ายบัญชีที่ดีควรมีรายงานที่เจ้าของกิจการอ่านได้จริง โดยไม่ต้องเป็นนักบัญชี
บริษัทขนาดเล็กควรเริ่มด้วยรายงาน 5 ชิ้นนี้
สรุปยอดขายแยกช่องทาง
สรุปต้นทุนและกำไรขั้นต้น
สรุปค่าใช้จ่ายหลัก (Top 10)
รายงานลูกหนี้ค้างชำระ
รายงานกระแสเงินสดและเงินคงเหลือ
เมื่อรายงานสม่ำเสมอ ผู้บริหารจะเริ่มเห็นแนวโน้มและตัดสินใจได้เร็วขึ้น เช่น ปรับราคา ลดต้นทุน หรือเร่งเก็บหนี้
.jpg)
จ้างพนักงานบัญชี หรือจ้างสำนักงานบัญชี แบบไหนเหมาะกับบริษัทเล็ก
นี่เป็นคำถามยอดนิยมของผู้ประกอบการที่ต้องการตั้งฝ่ายบัญชีในบริษัทขนาดเล็ก
ทางเลือกที่ 1 จ้างพนักงานบัญชีประจำ
เหมาะกับบริษัทที่มีเอกสารจำนวนมาก มีการซื้อขายทุกวัน และต้องการคนดูแลหน้างานเต็มเวลา
ข้อควรระวังคือ ต้องมีระบบและผู้ตรวจทาน เพราะพนักงานบัญชีคนเดียวอาจทำผิดโดยไม่มีคนช่วยเช็ค
ทางเลือกที่ 2 จ้างสำนักงานบัญชี (Outsource)
เหมาะกับบริษัทเล็ก–SME ที่ต้องการความถูกต้องด้านบัญชีและภาษี แต่ไม่อยากเพิ่มต้นทุนคงที่ของเงินเดือน
สิ่งสำคัญคือ ต้องมีระบบส่งเอกสารและสื่อสารที่ชัดเจน
ทางเลือกที่ 3 แบบผสม (Hybrid)
ให้ธุรการ/การเงินในบริษัทดูแลเอกสารและการออกบิล ส่วนงานบันทึกบัญชี ยื่นภาษี ปิดงบ ให้สำนักงานบัญชีดูแล
รูปแบบนี้เหมาะมากสำหรับบริษัทเล็กที่อยากตั้งฝ่ายบัญชีให้เป็นระบบ แต่ยังไม่พร้อมจ้างทีมเต็มรูปแบบ
สำนักงานบัญชี พีทูพีมักช่วยลูกค้าในรูปแบบ Hybrid โดยวางระบบเอกสารให้บริษัททำได้ง่าย และให้ทีมผู้เชี่ยวชาญดูแลงานบัญชี–ภาษีปลายทางอย่างถูกต้อง

บทบาทของสำนักงานบัญชี พีทูพี ในการช่วยตั้งฝ่ายบัญชีบริษัทขนาดเล็ก
สำหรับผู้ประกอบการที่ต้องการตั้งฝ่ายบัญชี แต่ไม่อยากลองผิดลองถูก สำนักงานบัญชี พีทูพีสามารถช่วยได้ใน 3 มิติหลัก
ช่วยออกแบบระบบเอกสารและขั้นตอนงานให้เข้ากับธุรกิจจริง
ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจบริการ ค้าขาย ธุรกิจออนไลน์ หรือบริษัทตั้งใหม่
ช่วยดูแลบัญชีและภาษีรายเดือนอย่างต่อเนื่อง
ทำให้ข้อมูลทันเวลา ลดความเสี่ยงยื่นผิด ยื่นช้า และช่วยให้ปิดงบง่ายขึ้น
ช่วยให้คำปรึกษาเชิงป้องกัน
เช่น แนวทางจัดเอกสารให้ถูกต้อง การวางแผนภาษี การจัดระบบเงินเดือน และการเตรียมความพร้อมเมื่อธุรกิจขยาย
แนวคิดการทำงานของ สำนักงานบัญชี พีทูพี คือทำบัญชีให้ถูกต้องตามมาตรฐานและกฎหมายภาษี พร้อมช่วยให้ผู้ประกอบการเห็นภาพและตัดสินใจได้ดีขึ้น