สัดส่วนการถือหุ้นบริษัท
การแบ่งสัดส่วนการถือหุ้นในบริษัท ไม่ใช่แค่การจัดทำบัญชี และการจัดการทรัพย์สินระหว่างผู้ร่วมทุนเท่านั้น แต่ยังส่งผลโดยตรงต่อสิทธิการออกเสียง การแบ่งกำไร และการบริหารธุรกิจในระยะยาว
บทความนี้ สำนักงานบัญชี พีทูพี จะพาคุณเข้าใจทุกมุมของ"สัดส่วนการถือหุ้นบริษัท" ตั้งแต่พื้นฐาน วิธีคำนวณ ไปจนถึงผลกระทบและแนวทางปฏิบัติที่เหมาะสมกับธุรกิจในประเทศไทยโดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่กำลังวางแผนก่อตั้งบริษัทหรือกำลังจัดโครงสร้างใหม่ให้กับธุรกิจ
สัดส่วนการถือหุ้นบริษัท คืออะไร?
"สัดส่วนการถือหุ้น" หมายถึงสัดส่วนของการถือครองหุ้นในบริษัท ซึ่งแสดงถึงความเป็นเจ้าของของผู้ถือหุ้นแต่ละคน โดยวัดจากจำนวนหุ้นที่ถือครอง เทียบกับหุ้นทั้งหมดของบริษัท สัดส่วนนี้มีผลต่อสิทธิในการลงคะแนนเสียงในที่ประชุมผู้ถือหุ้น สิทธิในการรับเงินปันผล และสิทธิในการมีส่วนร่วมในการตัดสินใจที่สำคัญของบริษัท
ตัวอย่างเช่น หากบริษัทมีหุ้นทั้งหมด 1,000 หุ้น และคุณ A ถือหุ้น 400 หุ้น จะมีสัดส่วนการถือหุ้นเท่ากับ 40% ในขณะที่คุณ B ถือหุ้น 600 หุ้นก็จะมีสัดส่วน 60% ซึ่งสัดส่วนนี้ไม่เพียงแสดงถึงการลงทุนแต่ยังแสดงถึงอำนาจในการควบคุมหรือบริหารกิจการอีกด้วย
วิธีคำนวณสัดส่วนการถือหุ้น
การคำนวณสัดส่วนการถือหุ้นนั้น สามารถทำได้โดยใช้สูตรพื้นฐาน คือนำจำนวนหุ้นที่ผู้ถือหุ้นถือครองอยู่ หารด้วยจำนวนหุ้นทั้งหมดของบริษัทแล้วคูณด้วย 100 จะได้ผลลัพธ์เป็นเปอร์เซ็นต์
ยกตัวอย่าง บริษัทแห่งหนึ่งมีหุ้นทั้งหมด 10,000 หุ้น
* หากผู้ถือหุ้น A ถือหุ้น 6,000 หุ้นจะมีสัดส่วนการถือหุ้นเท่ากับ (6,000 ÷ 10,000) × 100 = 60%
* ผู้ถือหุ้น B ถือหุ้น 4,000 หุ้น จะมีสัดส่วนเท่ากับ40%
กรณีที่บริษัทมีการเพิ่มทุน หรือออกหุ้นใหม่ให้กับผู้ถือหุ้นรายใหม่สัดส่วนของผู้ถือหุ้นเดิมจะเปลี่ยนแปลงตามซึ่งอาจทำให้ผู้ถือหุ้นเดิมมีสัดส่วนลดลงหากไม่ได้ซื้อหุ้นเพิ่มเท่ากับจำนวนที่ออกใหม่
ความหมายของหุ้นแต่ละประเภทต่อสัดส่วนการถือหุ้น
โดยทั่วไป เมื่อจดทะเบียนบริษัทจำกัด ในประเทศไทยจะมีหุ้นเพียงประเภทเดียว คือหุ้นสามัญ ซึ่งให้สิทธิเท่าเทียมกันในการออกเสียง และรับเงินปันผลตามสัดส่วน แต่ในกรณีของบริษัทมหาชน อาจมีหุ้นหลายประเภท เช่น หุ้นบุริมสิทธิ ซึ่งอาจมีสิทธิพิเศษในการรับเงินปันผล หรือมีข้อจำกัดในการออกเสียง
การทำความเข้าใจประเภทของหุ้นมีความสำคัญ เพราะอาจมีผลต่อการคำนวณสัดส่วนอำนาจ และผลตอบแทนในบริษัทโดยตรง เช่น หุ้นที่ไม่มีสิทธิออกเสียงจะไม่ได้รับผลกระทบในการควบคุมกิจการ แม้จะถือหุ้นมากในเชิงจำนวน แต่ไม่มีผลต่อมติของที่ประชุมผู้ถือหุ้น
ขอคำแนะนำเรื่องผู้ถือหุ้นบริษัท คลิก
ผลกระทบของการเปลี่ยนแปลงสัดส่วนการถือหุ้น
การเปลี่ยนแปลงสัดส่วนการถือหุ้นในบริษัท อาจส่งผลต่อทั้งภายในองค์กร และภายนอกทั้งในด้านสิทธิการออกเสียง การควบคุมกิจการ การจัดสรรผลกำไร และแม้แต่การปฏิบัติตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง เช่นกฎหมายว่าด้วยสัดส่วนการถือหุ้นของชาวต่างชาติในกิจการบางประเภท
ตัวอย่างหนึ่งคือเมื่อมีการเพิ่มทุนโดยออกหุ้นใหม่ และจัดสรรให้กับนักลงทุนภายนอกโดยที่ผู้ถือหุ้นเดิมไม่เข้าร่วมอาจส่งผลให้สัดส่วนของผู้ถือหุ้นเดิมลดลงจนสูญเสียอำนาจในการควบคุมกิจการซึ่งเรียกว่า dilution ของสิทธิ
อีกกรณีที่พบได้บ่อย คือ การโอนหุ้นระหว่างผู้ถือหุ้นซึ่งหากไม่ได้วางแผนไว้ก่อน อาจส่งผลต่อความสมดุลของอำนาจในบริษัทและทำให้เกิดข้อขัดแย้งในการบริหารงานได้
สัดส่วนการถือหุ้นตามกฎหมายไทย
ในประเทศไทย การจัดตั้งบริษัทจำกัดต้องมีผู้ถือหุ้นอย่างน้อย 2 คนโดยไม่มีข้อกำหนดขั้นต่ำในการถือหุ้นแต่ละราย แต่ในบางกรณีที่มีกฎหมายเฉพาะ เช่น พระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าวจะจำกัดสัดส่วนการถือหุ้นของคนต่างด้าวในบางกิจการ เช่น ธุรกิจบริการไม่เกิน 49%
นอกจากนี้ หากผู้ถือหุ้นมีสัดส่วนตั้งแต่ 25% ขึ้นไปจะสามารถยับยั้งการออกเสียงในเรื่องสำคัญบางอย่างได้ และหากถือหุ้นเกิน 50% จะสามารถควบคุมการบริหารบริษัทได้โดยอัตโนมัติ ในขณะที่ผู้ถือหุ้นที่ถือเกิน 75% จะสามารถเปลี่ยนแปลงข้อบังคับบริษัท หรือเลิกบริษัทได้โดยไม่ต้องพึ่งเสียงจากผู้ถือหุ้นรายอื่น
แนวปฏิบัติเมื่อมีการปรับเปลี่ยนสัดส่วนการถือหุ้น
ในกรณีที่บริษัทมีความจำเป็นต้องเพิ่มทุน ลดทุน หรือมีการโอนหุ้นควรดำเนินการให้ถูกต้องตามขั้นตอนของกฎหมาย และแจ้งต่อนายทะเบียนพาณิชย์อย่างเป็นทางการเพื่อป้องกันข้อโต้แย้งในอนาคต
การประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น การแก้ไขหนังสือบริคณห์สนธิการลงนามในเอกสารต่าง ๆ และการชำระอากรแสตมป์สำหรับการโอนหุ้นควรดำเนินการภายใต้คำแนะนำของผู้เชี่ยวชาญด้านบัญชีหรือกฎหมายธุรกิจเพื่อความถูกต้องสมบูรณ์
การใช้สัญญาผู้ถือหุ้นในการจัดการสัดส่วนหุ้น
หนึ่งในแนวทางป้องกันปัญหาในอนาคตคือ การทำ"สัญญาผู้ถือหุ้น" ซึ่งเป็นเอกสารที่ระบุข้อตกลงเกี่ยวกับสิทธิ หน้าที่และข้อจำกัดของผู้ถือหุ้นแต่ละราย เช่น
- การจำกัดสิทธิการโอนหุ้นให้บุคคลภายนอก
- การให้สิทธิก่อน (Pre-emptive Right)
- การกำหนดว่าผู้ใดสามารถแต่งตั้งกรรมการ
- การกำหนดเงื่อนไขการจ่ายเงินปันผล
แม้สัญญาผู้ถือหุ้นจะไม่ใช่เอกสารบังคับตามกฎหมายแต่มีน้ำหนักในทางกฎหมายเมื่อลงนามโดยผู้เกี่ยวข้องและสามารถใช้เป็นแนวทางอ้างอิงในกรณีเกิดข้อพิพาทได้อย่างมีประสิทธิภาพ
แนวทางวางแผนสัดส่วนการถือหุ้นที่ดี
การวางแผนสัดส่วนการถือหุ้นที่ดีควรตั้งอยู่บนพื้นฐานของวัตถุประสงค์ทางธุรกิจความไว้วางใจในพันธมิตร และการเติบโตระยะยาวหากเป็นบริษัทที่ต้องการควบคุมอย่างใกล้ชิด ผู้ก่อตั้งควรถือหุ้นร่วมกันมากกว่า 50% เพื่อรักษาเสียงข้างมาก
แต่หากเป็นบริษัทที่ต้องการระดมทุนควรเตรียมพื้นที่สำหรับการถือหุ้นของนักลงทุนภายนอก และกำหนดสัญญาเพื่อรักษาสิทธิที่จำเป็น เช่น การออกเสียงในเรื่องสำคัญหรือการมีส่วนร่วมในรายได้
อีกแนวทางหนึ่งที่น่าสนใจสำหรับธุรกิจที่เน้นการสร้างแรงจูงใจแก่ทีมงานคือ การจัดสรรหุ้นให้กับพนักงานหรือผู้บริหารในรูปแบบ Employee Stock OptionPlan (ESOP) ซึ่งจะช่วยสร้างความผูกพันระหว่างพนักงานกับบริษัทในระยะยาว
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับสัดส่วนการถือหุ้น
Q ถ้าเราถือหุ้นน้อยกว่า 25% ยังมีสิทธิคัดค้านเรื่องใหญ่ ๆ ได้หรือไม่?
A ส่วนใหญ่แล้ว หากถือหุ้นน้อยกว่า 25% จะไม่สามารถใช้เสียงคัดค้านเรื่องสำคัญได้ เช่นการเพิ่มทุนหรือการแก้ไขข้อบังคับบริษัท เว้นแต่จะมีข้อตกลงไว้ในสัญญาผู้ถือหุ้น
Q ถ้าอยากให้คนในครอบครัวถือหุ้นร่วมควรวางแผนอย่างไร?
A ควรระบุให้ชัดเจนในเอกสารว่าแต่ละคนถือหุ้นกี่เปอร์เซ็นต์มีสิทธิอย่างไร และหากจะโอนให้ผู้อื่น ต้องได้รับความยินยอมจากใครเพื่อป้องกันปัญหาในอนาคต
Q การเปลี่ยนแปลงสัดส่วนหุ้นต้องแจ้งกรมพัฒนาธุรกิจการค้าหรือไม่?
A ใช่จำเป็นต้องจดทะเบียนการเปลี่ยนแปลงหุ้นกับกรมพัฒนาธุรกิจการค้าโดยเฉพาะกรณีที่กระทบกับทุนจดทะเบียน หรือมีการแก้ไขเอกสารสำคัญของบริษัท
ขอคำแนะนำเรื่องผู้ถือหุ้นบริษัท คลิก
กรณีศึกษาจากธุรกิจจริง
กรณีศึกษาหนึ่งที่พบบ่อยในบริษัท SMEs คือเมื่อเริ่มต้นธุรกิจในครอบครัว ผู้ก่อตั้งมักจะไม่ทำเอกสารการจัดสรรหุ้นให้ชัดเจนส่งผลให้เมื่อเกิดปัญหาความขัดแย้ง เช่น เรื่องกำไร การตัดสินใจหรือการเปลี่ยนแปลงภายในบริษัท กลายเป็นปัญหาที่ยากจะจัดการได้
ในทางกลับกันธุรกิจที่เริ่มจากการกำหนดสัดส่วนการถือหุ้นอย่างชัดเจนตั้งแต่ต้นพร้อมมีสัญญาผู้ถือหุ้นรองรับ มักมีความชัดเจนในการบริหารมีความยืดหยุ่นในการตัดสินใจร่วม และลดความเสี่ยงด้านกฎหมายในระยะยาว
หากคุณกำลังจัดการเรื่องสัดส่วนผู้ถือหุ้น ปรึกษาเราในประเด็นเหล่านี้
ต้องการวางแผนแบ่งหุ้นอย่างเป็นธรรม
เราช่วยวิเคราะห์โครงสร้างธุรกิจและสัดส่วนผู้ร่วมทุนให้เหมาะกับการเติบโตในระยะยาว
ไม่มั่นใจว่าต้องจดทะเบียนอะไรบ้าง
เราให้คำแนะนำขั้นตอนการแจ้งเปลี่ยนแปลงต่อกรมพัฒน์ฯ แบบเข้าใจง่ายไม่ซับซ้อน
มีผู้ถือหุ้นหลายฝ่าย แต่ยังไม่มีข้อตกลงชัดเจน
เราช่วยร่างแนวทางการจัดทำ “สัญญาผู้ถือหุ้น” ให้เป็นธรรมกับทุกฝ่าย
อยากวางแผนหุ้นให้ลูกหลานหรือทีมงานในอนาคต
เรามีประสบการณ์ช่วยจัดโครงสร้างถือหุ้นให้สอดคล้องกับเป้าหมายครอบครัวและธุรกิจ
สรุป เข้าใจและวางแผนสัดส่วนการถือหุ้นอย่างรอบคอบ
สัดส่วนการถือหุ้นบริษัทไม่ใช่แค่ตัวเลขบนกระดาษแต่คือโครงสร้างความเป็นเจ้าของและอำนาจในการบริหารบริษัทการเข้าใจอย่างลึกซึ้งและวางแผนล่วงหน้าอย่างเป็นระบบจะช่วยให้ธุรกิจสามารถเติบโตอย่างยั่งยืนและลดความขัดแย้งที่อาจเกิดขึ้น
หากคุณเป็นผู้ประกอบการที่กำลังวางแผนตั้งบริษัทใหม่หรือกำลังปรับโครงสร้างกิจการการได้รับคำปรึกษาจากผู้เชี่ยวชาญด้านบัญชีและกฎหมายธุรกิจจะช่วยให้คุณสามารถกำหนดสัดส่วนการถือหุ้นได้อย่างรัดกุมมีประสิทธิภาพ และปลอดภัยในระยะยาว
ขอคำแนะนำเรื่องผู้ถือหุ้นบริษัท คลิก