จดบริษัทขายของออนไลน์
ในยุคที่ผู้บริโภคหันมาซื้อสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์มากขึ้นเรื่อย ๆ เจ้าของร้านค้าหลายรายเริ่มวางแผนจดทะเบียนบริษัท เพื่อขยายธุรกิจให้เติบโตอย่างเป็นระบบมีภาพลักษณ์ที่น่าเชื่อถือ และสามารถวางแผนภาษีได้อย่างถูกต้อง แต่คำถามสำคัญที่เจ้าของกิจการจำนวนไม่น้อยสงสัยคือ “ถ้าขายของออนไลน์ต้องจดบริษัทหรือไม่?” และ “ต้องเตรียมเอกสารอะไรบ้าง?” บทความนี้จึงจัดทำขึ้นเพื่อให้คำตอบในทุกแง่มุมที่คุณควรรู้
นอกจากนี้ เรายังแนะนำ บริการรับจดทะเบียนบริษัท และวางระบบบัญชีอย่างครบวงจรจาก "สำนักงานบัญชี พีทูพี" ซึ่งพร้อมดูแลธุรกิจคุณตั้งแต่เริ่มต้นจนเติบโตในโลกออนไลน์ได้อย่างมั่นคง
จดบริษัทขายของออนไลน์อย่างถูกต้อง วางระบบบัญชี–ภาษีให้พร้อมจากวันแรก
ไปที่หน้ารับจดทะเบียนบริษัทขายของออนไลน์ต้องจดบริษัทไหม?
การขายของออนไลน์ สามารถดำเนินการได้ทั้งในนามบุคคลธรรมดา และในรูปแบบนิติบุคคล (บริษัทจำกัด) โดยแต่ละรูปแบบมีข้อดีและข้อควรระวังต่างกัน
- บุคคลธรรมดา จดทะเบียนพาณิชย์แบบบุคคล ทำได้ง่ายเหมาะสำหรับผู้เริ่มต้น รายได้ยังไม่สูง
- นิติบุคคล (บริษัท) เหมาะกับผู้ที่มีรายได้ต่อปีสูง (เช่น เกิน 1.8ล้านบาท) หรือมีแผนธุรกิจระยะยาว ต้องการวางระบบบัญชีและภาษีให้ถูกต้อง
ข้อควรพิจารณา หากคุณต้องการขยายกิจการ เข้าร่วม marketplace หรือเป็น supplier ให้กับองค์กรใหญ่การจดบริษัทจะเพิ่มความน่าเชื่อถือและเปิดโอกาสในการเติบโตมากกว่า
ข้อดีของการจดบริษัทสำหรับร้านค้าออนไลน์
- เพิ่มความน่าเชื่อถือในสายตาลูกค้าและพาร์ทเนอร์
- สามารถออกใบกำกับภาษีให้ลูกค้าองค์กรได้
- เข้าร่วมโครงการของภาครัฐหรือเอกชนได้ง่ายขึ้น
- สามารถขอสินเชื่อธุรกิจจากธนาคารได้
- วางแผนภาษีได้อย่างเป็นระบบ ลดความเสี่ยงเรื่องภาษีย้อนหลัง
- แยกทรัพย์สินส่วนตัวกับธุรกิจได้ชัดเจน ลดความเสี่ยงทางกฎหมาย
เริ่มต้นจดบริษัทขายของออนไลน์ได้ทันที ปรึกษาฟรี
ตัวอย่างธุรกิจออนไลน์ที่ควรจดบริษัทตั้งแต่ต้น
1. ร้านค้าออนไลน์ที่มีแผนการเติบโตอย่างรวดเร็ว หรือทำยอดขายสูงหากธุรกิจของคุณมีแนวโน้มจะขยายต่อเนื่อง มีการลงทุนด้านการตลาดและทำรายได้ต่อเดือนในระดับที่มากการจดบริษัทตั้งแต่แรกจะช่วยให้สามารถบริหารจัดการเงิน รายจ่ายและภาษีได้อย่างเป็นระบบ
2. ผู้ค้าผ่านแพลตฟอร์มอย่าง Shopee, Lazada, TikTok Shop ผู้ขายที่มีแผนจะทำธุรกิจระยะยาวในmarketplace เหล่านี้ มักต้องจด VAT ออกใบกำกับภาษีและมีระบบบัญชีรองรับการทำงานแบบอัตโนมัติการจดบริษัทจึงเป็นสิ่งสำคัญเพื่อให้เข้าระบบและต่อยอดได้ง่าย
3. ธุรกิจขายสินค้าสุขภาพและความงาม ที่ต้องการภาพลักษณ์มืออาชีพ กลุ่มธุรกิจที่ต้องการความน่าเชื่อถือ เช่น อาหารเสริมเวชสำอาง เครื่องสำอาง การมีนิติบุคคลช่วยให้ลูกค้าเชื่อถือแบรนด์มากขึ้นและยังสามารถต่อยอดธุรกิจแบบ B2B ได้
4. ธุรกิจที่ทำการตลาดด้วยการจ้าง influencer หรือลงโฆษณาแบบมีใบกำกับภาษีธุรกิจที่ใช้การตลาดออนไลน์เชิงรุกเช่น การยิง Ads หรือจ้าง Influencer ต้องมีเอกสารรองรับค่าใช้จ่ายการจดบริษัททำให้สามารถหักค่าใช้จ่ายเหล่านี้ได้อย่างถูกต้องตามภาษีและยังบริหารงบโฆษณาได้มีประสิทธิภาพ
ขั้นตอนการจดทะเบียนบริษัทสำหรับร้านค้าออนไลน์
ตรวจสอบและจองชื่อบริษัท
- ตรวจสอบชื่อบริษัทที่ต้องการผ่านระบบออนไลน์ของ DBD (กรมพัฒนาธุรกิจการค้า)
- ต้องไม่ซ้ำกับชื่อที่จดไว้แล้ว และต้องไม่ขัดต่อกฎหมาย
กำหนดวัตถุประสงค์ของบริษัท
- เช่น ค้าส่ง ค้าปลีกผ่านอินเทอร์เน็ต ขายสินค้าอิเล็กทรอนิกส์เครื่องสำอาง ฯลฯ
กำหนดที่ตั้งสำนักงานและทุนจดทะเบียน
- สำหรับร้านค้าออนไลน์ ต้องมีที่อยู่สำนักงานชัดเจน แม้ไม่มีหน้าร้าน
- ทุนจดทะเบียนเริ่มต้นได้ตั้งแต่ 5,000 – 1,000,000บาทขึ้นไป ขึ้นกับขนาดกิจการ
จัดเตรียมเอกสารจดทะเบียนบริษัท
- บัตรประชาชนและทะเบียนบ้านของผู้ก่อตั้ง (อย่างน้อย 2 คน)
- หนังสือรับรองการใช้สถานที่ตั้งบริษัท
- แบบฟอร์มต่าง ๆ ตามที่กรมพัฒนาธุรกิจการค้ากำหนด
ยื่นจดทะเบียนบริษัทที่กรมพัฒนาธุรกิจการค้า (DBD)
- สามารถยื่นด้วยตนเองที่สำนักงาน หรือผ่านระบบออนไลน์ DBDe-Registration
เริ่มต้นจดบริษัทขายของออนไลน์ ด้วยการวางแผนที่สร้างสรรค์และตรวจสอบได้
เริ่มจดบริษัทกับเราขอเลขประจำตัวผู้เสียภาษี (Tax ID)
- ใช้สำหรับยื่นภาษีและเปิดบัญชีธนาคารในนามบริษัท
เปิดบัญชีธนาคารในนามบริษัท
- เพื่อแยกรายการเงินของบริษัทออกจากบัญชีส่วนตัวอย่างชัดเจน
สมัครใช้โปรแกรมบัญชีออนไลน์
- เลือกใช้โปรแกรมที่สรรพากรยอมรับ เช่น FlowAccount, PEAK หรือ Express เพื่อความถูกต้องและตรวจสอบได้
การจด VAT สำหรับร้านค้าออนไลน์
- กรณีรายได้รวมเกิน 1.8 ล้านบาทต่อปี จะต้องจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) โดยปฏิบัติดังนี้
ยื่นขอ VAT ภายใน 30 วันหลังรายได้ถึงเกณฑ์
- ใช้แบบ ภ.พ.01 และแนบเอกสารประกอบ เช่นหนังสือรับรองบริษัท บัตรประชาชนกรรมการ แผนที่ตั้งกิจการ ฯลฯ
- หลังได้เลข VAT แล้วต้องออกใบกำกับภาษีให้ลูกค้าทุกครั้งและยื่นแบบ ภ.พ.30 ทุกเดือน
หมายเหตุ: หากสมัครเป็นผู้ขายใน Shopee, Lazada, TikTok Shop อาจจำเป็นต้องมีVAT เพื่อเชื่อมระบบออกใบกำกับภาษี
ขายของออนไลน์อยู่แล้ว? จดบริษัทให้ถูกต้องตั้งแต่วันนี้
จดบริษัทแล้ว ต้องทำบัญชีอะไรบ้าง?
หลายคนเข้าใจว่าแค่จดบริษัทก็พอ แต่จริง ๆ แล้ว หลังจดแล้วต้องทำบัญชีและยื่นภาษีทุกเดือน–ทุกปี ได้แก่
- ภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) ภ.พ.30
- ภาษีหัก ณ ที่จ่าย ภ.ง.ด. 3, 53
- ภาษีเงินได้นิติบุคคลครึ่งปี–สิ้นปี ภ.ง.ด. 51, 50
- จัดทำงบการเงินประจำปี และยื่นต่อกรมพัฒนาธุรกิจการค้า (ภายใน 150วันหลังสิ้นรอบบัญชี)
- วางระบบบัญชี ด้วยโปรแกรมที่กรมสรรพากรยอมรับ เช่น Express,FlowAccount, PEAK ฯลฯ
สิ่งที่เจ้าของร้านออนไลน์ควรระวังก่อนจดบริษัท
- อย่าจดบริษัทแล้วปล่อยทิ้งไว้ไม่ทำบัญชีจะทำให้โดนเบี้ยปรับภาษีจำนวนมาก
- หากใช้บ้านเป็นที่ตั้งบริษัทต้องมีหนังสือยินยอมจากเจ้าบ้านหรือสัญญาเช่า
- เอกสารและข้อมูลที่ใช้ต้องตรงกันทุกอย่าง (เช่น ที่อยู่บริษัท,ชื่อกรรมการ)
- ควรใช้ที่ปรึกษาหรือสำนักงานบัญชีที่มีประสบการณ์เพื่อหลีกเลี่ยงความผิดพลาด
เลือกสำนักงานบัญชีให้เหมาะกับร้านค้าออนไลน์
หากคุณกำลังเริ่มต้นจดบริษัทขายของออนไลน์การมีผู้เชี่ยวชาญคอยให้คำแนะนำตั้งแต่แรกจะช่วยลดความผิดพลาดด้านภาษีได้มากในอนาคต โดยเฉพาะเรื่อง
- วางระบบบัญชีอย่างถูกต้องตั้งแต่แรก
- วางแผนภาษีให้เหมาะกับรูปแบบธุรกิจ
- จัดทำเอกสาร VAT ที่เชื่อมโยงกับ Marketplace
- ให้คำแนะนำการแยกรายได้–รายจ่ายส่วนตัวกับบริษัท
- ตรวจสอบความครบถ้วนของรายการบัญชีและการยื่นแบบภาษีตามกำหนดเวลา
"สำนักงานบัญชี พีทูพี" พร้อมให้บริการ รับจดทะเบียนบริษัท รับทำบัญชี วางระบบบัญชี และให้คำปรึกษาทางภาษีครบวงจร โดยเน้นงานบริการที่ถูกต้องตามกฎหมาย โปร่งใส และเป็นมิตรกับผู้ประกอบการทุกท่าน
เราดูแลคุณแบบจริงใจทุกขั้นตอน ตั้งแต่จดทะเบียนบริษัทจนถึงวางระบบบัญชี
ขอคำปรึกษาจดบริษัทการใช้โฆษณาออนไลน์หลังจดบริษัท ภาษีที่ต้องรู้
หลังจดบริษัทแล้วร้านค้าออนไลน์ส่วนใหญ่มักใช้โฆษณาผ่านช่องทางดิจิทัล เช่น Facebook Ads,Google Ads หรือ TikTok Ads เพื่อโปรโมตสินค้าให้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายซึ่งค่าใช้จ่ายเหล่านี้สามารถนำมาหักเป็นค่าใช้จ่ายทางภาษีได้อย่างถูกต้องหากมีเอกสารประกอบครบถ้วน
- ควรขอใบกำกับภาษี (Tax Invoice) จากผู้ให้บริการโฆษณาโดยเฉพาะเมื่อชำระผ่านบัตรเครดิตบริษัท
- กรณีเป็นบริการจากต่างประเทศ (เช่น Meta, Google) อาจต้องเสียภาษีหักณ ที่จ่ายหรือ VAT on import services
- บัญชีค่าโฆษณาควรแยกชัดเจนและเชื่อมโยงกับผลลัพธ์การขาย เพื่อประเมินROI ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
การจัดการที่ดีจะช่วยให้ธุรกิจไม่เพียงแค่ถูกต้องตามภาษีแต่ยังใช้ประโยชน์จากค่าใช้จ่ายโฆษณาได้สูงสุด
ระบบสต็อกและบัญชีสินค้าในร้านค้าออนไลน์ควรจัดอย่างไร
ร้านค้าออนไลน์จำนวนไม่น้อยเริ่มต้นโดยไม่มีระบบสต็อกชัดเจนซึ่งเมื่อธุรกิจเติบโตขึ้นจะทำให้ควบคุมต้นทุนไม่ได้ ขาดทุนหรือสินค้าค้างสต็อกโดยไม่รู้ตัว หลังจดบริษัทควรเริ่มวางระบบดังนี้
- ใช้โปรแกรมบัญชีที่มีระบบสต็อกในตัว เช่น PEAK หรือ FlowAccount
- แยกหมวดหมู่สินค้า รหัสสินค้า และหน่วยนับให้ชัดเจนตั้งแต่ต้น
- เชื่อมโยงยอดขายจากหน้าเว็บไซต์หรือ marketplace เข้ากับระบบคลังสินค้า
- ตรวจนับสินค้าทุกเดือนเพื่อเปรียบเทียบกับยอดขายและทำงบต้นทุนขายได้ถูกต้อง
- ระบบบัญชีสินค้าที่ดีไม่เพียงช่วยเรื่องภาษีแต่ยังช่วยให้ผู้ประกอบการรู้ว่าอะไรขายดี กำไรสูง หรือควรปรับลดสต็อก
จดบริษัทขายของออนไลน์ ไม่ต้องกลัวเอกสารยุ่งยาก
สิ่งที่สรรพากรตรวจบ่อยสำหรับร้านค้าออนไลน์
แม้ว่าร้านค้าออนไลน์จะไม่มีหน้าร้านแต่กรมสรรพากรก็มีแนวทางตรวจสอบเฉพาะสำหรับธุรกิจนี้เช่นกันโดยข้อมูลที่มักถูกตรวจสอบได้แก่
- ยอดโอนจากบัญชีธนาคารที่ไม่ตรงกับรายได้ที่ยื่นภาษี
- รายได้จาก Shopee, Lazada, Facebook, TikTok Shop ที่ไม่มีการบันทึกบัญชี
- ค่าโฆษณาออนไลน์ที่ไม่มีใบกำกับภาษี
- การเบิกจ่ายจากบัญชีบริษัทไปใช้ส่วนตัวโดยไม่มีหลักฐาน
การจัดทำบัญชีที่รัดกุม มีหลักฐานครบและมีที่ปรึกษาช่วยตรวจสอบล่วงหน้า จะช่วยลดโอกาสในการถูกเรียกตรวจสอบหรือหากถูกตรวจสอบจริง ก็สามารถชี้แจงได้อย่างมั่นใจ
สรุป จดบริษัทขายของออนไลน์ คุ้มค่ากว่าในระยะยาว
หากคุณตั้งใจจะทำธุรกิจขายของออนไลน์แบบจริงจังการจดทะเบียนบริษัทคือการยกระดับความน่าเชื่อถือและเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีในการจัดการธุรกิจอย่างมืออาชีพ ทั้งด้านบัญชี ภาษีและการขยายกิจการในอนาคต
สำนักงานบัญชี พีทูพี พร้อมเป็นผู้ช่วยมืออาชีพ ที่จะอยู่เคียงข้างธุรกิจของคุณ ตั้งแต่ก้าวแรกของการจดทะเบียน ไปจนถึงการเติบโตระยะยาว
ให้เราเป็นคู่คิดตั้งแต่วันแรกของการจดบริษัท เพื่อร้านค้าออนไลน์ของคุณเติบโตมั่นคง
ดูบริการจดทะเบียนบริษัท