ภาษีขายของออนไลน์ e-payment
ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าในปัจจุบันธุรกิจขายของออนไลน์ได้รับความนิยมอย่างมากเนื่องจากสถานการณ์โรคระบาดโควิด – 19 ที่ทำให้คนเราไม่สามารถออกไปใช้ชีวิตได้เหมือนอย่างปกติ
อีกทั้งด้วยสภาพเศรษฐกิจปัจจุบันที่ทำให้พนักงานประจำหลาย ๆคนเริ่มมองหาอาชีพเสริม เพื่อเป็นอีกหนึ่งช่องทางในการสร้างรายได้ และด้วยจำนวนของพ่อค้าแม่ค้าที่มากขึ้น
ตลอดจนรายได้ที่เพิ่มขึ้นของบุคคล จึงเป็นที่มาของการจ่ายภาษีขายของออนไลน์ ซึ่งเป็นเรื่องที่พ่อค้าแม่ค้าหลายๆ คนยังขาดความรู้ความเข้าใจ วันนี้เราจะมาไขข้อข้องใจเกี่ยวกับการจ่ายภาษีขายของออนไลน์ที่หลาย ๆ คนสงสัยกัน
รู้จักกับภาษีอีเพย์เมนต์ (e-Payment)
สิ่งที่พ่อค้าแม่ค้ามือใหม่บนโลกออนไลน์ทั้งหลายจำเป็นต้องรู้อันดับแรกก็คงเป็นเรื่องของกฎเกณฑ์ในการขายของออนไลน์ อย่างเช่นในเรื่องของการจ่ายภาษีขายของออนไลน์
เพื่อให้การดำเนินการของร้านค้าเราเป็นไปอย่างถูกต้องตามกฎหมายโดยการจ่ายภาษีขายของออนไลน์นั้นมีชื่อเรียกตามกฎหมายว่า “ภาษีอีเพย์เมนต์ (e-Payment) ”
ซึ่งมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่21 มีนาคม 2562โดยในพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ 48) พ.ศ.2562 ระบุใจความสำคัญไว้ว่า
" ให้ธนาคาร สถาบันการเงิน ผู้ให้บริการทางการเงิน ต้องรายงานข้อมูล ผู้มีบัญชีธุรกรรมเฉพาะ ให้กรมสรรพากรทราบ ไม่ว่าจะเป็นบุคคลธรรมดา นิติบุคคล ทั้งคนไทย และต่างชาติ "
ที่ปรึกษาภาษีอากร
โดยบัญชีธุรกรรมเฉพาะจะต้องมีเงื่อนไขดังต่อไปนี้
1. มียอดฝากหรือโอนเข้าทุกบัญชีตั้งแต่ 3,000 ครั้งต่อปีขึ้นไป
2. ฝากหรือโอนเงินเข้าทุกบัญชีตั้งแต่ 400 ครั้งต่อปีขึ้นไป
3. มียอดเงินรวมกันตั้งแต่ 2,000,000 บาทต่อปีขึ้นไป
มาขยายความคำว่ายอดเงินฝากกันสักนิดเพื่อให้เข้าใจมากขึ้นคำว่ายอดเงินฝากในที่นี้ หมายถึง ยอดเงินฝากเข้าบัญชีทุกประเภท ทั้งยอดเงินฝากที่ทำธุรกรรมผ่านเคาน์เตอร์หรือที่ทำผ่านตู้ฝากเงิน
ทั้งยอดรับโอนเงินเข้าบัญชี ยอดเงินโอนจากเครื่องรูดบัตร (นับตามจำนวนครั้งที่รูด)ยอดเงินฝากเช็คเข้าบัญชี รวมไปถึงยอดเงินเข้าบัญชีจากดอกเบี้ยหรือจากเงินปันผล
แนวทางการจ่ายภาษีอีเพย์เมนต์
หลังจากที่เราได้ทำความรู้จักกับภาษีขายของออนไลน์หรือภาษีอีเพย์เมนต์ไปคร่าวๆ แล้ว ในหัวข้อนี้เราจะมาพูดถึงแนวทางการจ่ายภาษีขายของออนไลน์กัน
หากวันนี้ธุรกิจของคุณทำรายได้จำนวนมากให้กับคุณ ซึ่งนี่อาจจะเป็นสิ่งที่ทำให้คุณกังวลใจเพราะถ้าหากว่ารายได้ยิ่งเยอะมากขึ้นเท่าไหร่นั่นก็เท่ากับว่าเราต้องเสียภาษีมากขึ้นเท่านั้นใช่หรือไม่
จริง ๆ แล้วคงต้องบอกว่ารายได้ทั้งหมดที่เข้ามานั้นไม่ได้ถูกนำไปใช้ในการคำนวณในการจ่ายภาษีออนไลน์เสียทีเดียว เนื่องจากในรายได้นั้นๆ อาจมีธุรกรรมอื่น ๆ รวมอยู่ด้วย
กรมสรรพากรจะนำข้อมูลการทำธุรกรรม ไปประมวลผลกับข้อมูลอื่นๆ เบื้องต้นสิ่งที่คุณต้องทำ คือเตรียมเอกสารหลักฐานในการรับเงินไว้ให้ชัดเจน
ทั้งการทำบัญชีรายรับรายจ่าย เพื่อให้ง่ายต่อการตรวจสอบที่มาที่ไปของเงิน เก็บหลักฐานที่เกี่ยวกับการค้าไว้เพื่อเป็นหลักฐานทางธุรกรรมต่างๆ ของเรา
ติดตามข่าวการเงิน เพื่อเลี่ยงการจ่ายภาษีซ้ำซ้อนหรือศึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับเรื่องภาษีเพื่อจะได้มีความรู้ในการจ่ายหรือการขอลดหย่อนภาษีที่ถูกต้อง
บริการรับวางแผนภาษี