views

ประกันสังคม และการยื่นประกันสังคม

สมัครเข้าทำงานที่บริษัทใดนอกจากการพิจารณาถึงความมั่นคงของบริษัท และเงินเดือนที่เราพอใจแล้วนั้น สิ่งหนึ่งที่มีผลต่อการตัดสินใจ ก็คงหนีไม่พ้นสวัสดิการ


ใคร ๆ ก็คงอยากเข้าร่วมกับ บริษัทที่มีสวัสดีการดี ๆไว้รองรับ และเช่นกันหากวันนี้คุณเป็นเจ้าของบริษัท สิ่งที่จะดึงดูดใจพนักงานใหม่และซื้อใจพนักงานเก่าได้ก็คือสวัสดิการดีๆ


แนะนำอ่าน บริการรับทำบัญชี


“ประกันสังคม” เป็นอีกหนึ่งสวัสดิการที่มีสิทธิประโยชน์มากมาย ในส่วนของการยื่นเรื่องนั้นอาจจะค่อนข้างซับซ้อนสำหรับมือใหม่สักหน่อย นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ สำนักงานบัญชีพีทูพีได้จัดให้มี


บริการยื่นประกันสังคมเพื่ออำนวยความสะดวกให้กับเจ้าของธุรกิจทั้งหลาย วันนี้นอกจากบริการยื่นประกันสังคมแล้วรายังมีข้อมูลดี ๆเกี่ยวกับประกันสังคมมาฝากกัน


รวมเรื่องน่ารู้เกี่ยวกับประกันสังคม


ประกันสังคม คือ สวัสดิการที่มอบสิทธิประโยชน์ให้แก่ผู้มีเงินได้หรือผู้ประกันตน(ลูกจ้างหรือพนักงานที่มีอายุไม่ต่ำกว่า 15 ปีบริบูรณ์ แต่ไม่เกิน 60 ปีบริบูรณ์ในวันเข้าทำงานผู้ซึ่งทำงานอยู่ในสถานประกอบการที่มีลูกจ้างหรือพนักงาน จำนวนตั้งแต่ 1 คนขึ้นไป)ที่สมัครเข้าเป็นสมาชิก


โดยที่ผู้มีเงินได้เหล่านั้นจะต้องจ่ายเงินสมทบเข้ากองทุนประกันสังคมในแต่ละเดือนเสมือนกับการซื้อหลักประกันต่อความเสี่ยงต่าง ๆ ในชีวิตที่อาจเกิดขึ้นได้ โดยมีรายละเอียดคร่าวๆ ดังนี้


1.กรณีเจ็บป่วย ใช้สิทธิได้ฟรีตามโรงพยาบาลที่กำหนดสำหรับค่าห้องและค่าอาหาร ที่รักษาโรงพยาบาลรัฐบาล เบิกได้ไม่เกินวันละ700 บาท  โรงพยาบาลเอกชน เบิกได้ไม่เกินวันละ2,000 บาท


-ค่าทำฟัน เบิกได้ 900 บาท/ครั้ง/ปี(ฟันผุ,อุดฟัน,ขูดหินปูน)


- คลอดบุตร จำนวน 15,000 บาท / 1 ครั้ง


2.ทุพพลภาพโดยมีเงื่อนไขว่าผู้ประกันตนนั้นจะต้องจ่ายเงินสมทบครบ 3 เดือน ภายในระยะเวลา 15 เดือนก่อนที่จะทุพพลภาพ


ในกรณีที่เป็นผู้ทุพพลภาพรุนแรงจะได้รับอัตราร้อยละ 50 ของค่าจ้างเป็นรายเดือน ตลอดชีวิต ส่วนในกรณีที่ทุพพลภาพไม่รุนแรงนั้น จะได้รับเงินทดแทนการขาดรายได้ตามที่ประกาศฯกำหนด


3.เสียชีวิตรับค่าทำศพ50,000 บาท โดยมีเงื่อนไขเพิ่มเติม ดังนี้


-หากผู้ประกันตนได้ทำการจ่ายเงินสมทบมาแล้วตั้งแต่36 - 120 เดือน ก่อนเสียชีวิต จะได้รับเงินสงเคราะห์เป็นจำนวนเท่ากับค่าจ้างเฉลี่ย2 เดือน


-หากผู้ประกันตนได้จ่ายเงินสมทบมาแล้วตั้งแต่120 เดือนขึ้นไป ก่อนเสียชีวิต จะได้รับเงินสงเคราะห์เท่ากับค่าจ้างเฉลี่ย 6 เดือน 


4.เกษียณหรือชราภาพเมื่อผู้ประกันตนมีอายุครบ55 ปีบริบูรณ์ สถานะของผู้ประกันตนจะสิ้นสุดลง ในส่วนของการเกษียณมีทั้งแบบบำเหน็จและบำนาญ


- เกษียณแบบบำนาญ ผู้ประกันตนต้องจ่ายเงินสมทบมาแล้วไม่น้อยกว่า180 เดือน โดยจะได้รับเงินเป็นรายเดือน ในอัตราร้อยละ 20 ของค่าจ้างเฉลี่ย 60 เดือนสุดท้ายถ้าจ่ายเงินสมทบมาแล้วเกิน 180 เดือน จะได้รับเพิ่มอีกร้อยละ 1.5 เท่า


- เกษียณแบบบำเหน็จ ในกรณีที่ผู้ประกันตนจ่ายเงินสมทบต่ำกว่า 12 เดือน จะได้รับเงินบำเหน็จเท่ากับจำนวนเงินที่ผู้ประกันตนจ่ายสมทบมา


5.ว่างงานในกรณีที่ผู้ประกันตนจ่ายเงินสมทบมาเป็นระยะเวลาถึง 6 เดือนแล้ว ภายในระยะเวลา15 เดือน ก่อนการว่างงาน และต้องมีช่วงระยะเวลาที่ว่างงานตั้งแต่8 วันขึ้นไป โดยมีเงื่อนไข ดังนี้


- ต้องไม่ใช่การถูกเลิกจ้าง โดยมาจากการทุจริตต่อหน้าที่หรือสร้างความเสียหายต่อนายจ้าง


- หากมีเหตุให้ถูกเลิกจ้าง ผู้ประกันตนจะได้รับเงินชดเชยเป็นจำนวน 50% ของเงินเดือน


- ในกรณีลาออกหรือสิ้นสุดสัญญาจ้างงานได้รับเงินชดเชย 30% ของเงินเดือน


อ่านบทความ ที่ปรึกษาภาษี สำคัญอย่างไร

โดยที่กองทุนประกันสังคม จะแบ่งผู้ประกันตนออกเป็นทั้งหมด 3 ประเภท ดังนี้


- พนักงานบริษัทเอกชนทั่วไป ได้รับความคุ้มครอง 7 กรณี


- พ้นสภาพการเป็นพนักงานจากการลาออก ได้รับความคุ้มครอง 6 กรณี


- ฟรีแลนซ์หรือแรงงานนอกระบบ ได้รับความคุ้มครอง 3 หรือ 4 กรณี


ทั้งนี้นี่เป็นข้อมูลคร่าว ๆ เพียงส่วนหนึ่งเท่านั้นกรุณาศึกษาข้อมูลและหลักเกณฑ์เพิ่มเติมก่อนการเบิกใช้สิทธิ์ จะเห็นได้ว่าสิทธิประโยชน์ของประกันสังคมนั้นค่อนข้างคลอบคลุมแทบจะทุกด้าน


ฉะนั้นการที่บริษัทมีสวัสดิการประกันสังคมให้กับพนักงานก็ถือเป็นหลักประกันเพื่อให้พนักงานสบายใจได้ในระดับนึง ฉะนั้นหากวันนี้บริษัทของคุณยังไม่ได้ดำเนินการยื่นประกันสังคมเพราะไม่รู้จะเริ่มยังไงล่ะก็ ไม่ต้องกังวลไป


เพราะสำนักงานพีทูพี มีบริการยื่นประกันสังคมไว้เพื่อดำเนินการในส่วนนี้ให้กับบริษัทของคุณคุณจึงมั่นใจได้ว่าการดำเนินการจะถูกต้องและรวดเร็วอย่างแน่นอน


ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับประกันสังคม

หลาย ๆ คนอาจจะเคยได้ยินคำว่า “เงินสมทบ”โดยที่ไม่ทราบความหมายว่าเงินสมทบในที่นี้หมายถึงอะไร เงินสมทบก็คือเงินที่นายจ้างหรือลูกจ้างนำส่งเข้ากองทุนประกันสังคมทุกเดือนเพื่อสมทบทุนนั่นเอง


ซึ่งจำนวนเงินที่ต้องจ่ายในแต่ละเดือนจะคำนวณจากค่าจ้างที่ลูกจ้างได้รับในอัตราร้อยละ 5 โดยอิงจากฐานค่าจ้างที่นำมาคำนวณ ต่ำสุดเดือนละ 1,650 บาทสูงสุดไม่เกินเดือนละ 15 ,000 บาท  ซึ่งคิดเป็นเงินนำจ่ายขั้นต่ำเดือนละ 83 บาท แต่ไม่เกิน750 บาท ต่อเดือน


นอกจาก“เงินสมทบ” แล้วก็มี “กองทุนเงินทดแทน” ที่คนส่วนใหญ่ยังไม่เข้าใจความหมายอธิบายให้เข้าใจง่าย ๆ แบบคร่าว ๆ กองทุนเงินทดแทน คือ


กองทุนเงินสำรองที่มีการจัดตั้งไว้เพื่อใช้เก็บไว้เป็นทุนในการนำส่งเงินทดแทนให้แทนลูกจ้างในกรณีที่ลูกจ้างไม่สามารถปฏิบัติงานได้ เนื่องจากประสบอุบัติเหตุ เสียชีวิต หรือสูญหาย


ซึ่งในการจ่ายเงินเข้ากองทุนเงินทดแทนนั้น จะเป็นหน้าที่ของนายจ้างโดยอัตราเงินทดแทนที่ต้องจ่ายจะแตกต่างกันไปในแต่ละกิจการขึ้นอยู่กับความเสี่ยงภัยของกิจการ 


บริการรับวางระบบบัญชี


" ลูกจ้างจะสามารถใช้สิทธิ์กองทุนทดแทนนี้ได้ทันทีในกรณีที่ประสบอุบัติเหตุ เจ็บป่วย เสียชีวิต หรือสูญหาย "


ขั้นตอนการยื่นประกันสังคมฉบับมือใหม่


ในกรณีที่คุณเป็นนายจ้างและมีลูกจ้างตั้งแต่1 คนขึ้นไป คุณจำเป็นที่จะต้องขึ้นทะเบียนนายจ้างพร้อมกับขึ้นทะเบียนลูกจ้างเป็นผู้ประกันตนภายใน30 วัน และต้องแจ้งขึ้นทะเบียนลูกจ้างใหม่ภายใน 30 วัน


ในกรณีที่มีการจ้างลูกจ้างเพิ่ม หากฝ่าฝืนจะมีความผิด โดยมีโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือนหรือปรับไม่เกิน 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ จะเห็นได้ว่าการฝ่าฝืนการดำเนินการขึ้นทะเบียนนั้นมีความผิดทางกฎหมาย


บริการยื่นประกันสังคมของเรา จะช่วยลดข้อผิดพลาดที่อาจเกิดขึ้นได้เพื่อให้ธุรกิจของคุณดำเนินไปได้อย่างถูกต้องตามกฎหมายนั่นเอง


แนะนำอ่านยื่นภาษีเงินได้นิติบุคคล


ขั้นตอนการลงทะเบียนออนไลน์


ขั้นตอนที่ 1 เริ่มต้นจากการลงทะเบียนออนไลน์ผ่านทางเว็บไซต์ของสำนักงานประกันสังคม


เมื่อเข้าสู่เว็บไซต์ของสำนักงานประกันสังคมแล้วให้เลือกไปที่หัวข้อ “สถานประกอบการ” จากนั้น เลือกไปที่“ขอทำธุรกรรมผ่านอินเทอร์เน็ต” หน้าจอจะปรากฏช่องให้กรอกข้อมูล


กรอกข้อมูลให้ครบถ้วนและถูกต้องเพื่อทำการลงทะเบียน(สปส. 1-05) ระบบจะส่งแบบลงทะเบียน(สปส. 1-05) กลับทาง Email ตามที่คุณได้แจ้งข้อมูลไว้


ให้คุณดำเนินการพิมพ์แบบลงทะเบียนเพื่อนำส่งสำนักงานประกันสังคม สำนักงานประกันสังคมจะอนุมัติส่ง User-ID กลับมาให้ทาง Email อีกครั้ง


อ่านบทความ ปิดงบการเงิน


ขั้นตอนที่2 แจ้งรายชื่อพนักงานเพื่อนำเข้าระบบประกันสังคม


หลังจากที่ผ่านขั้นตอนแรกมาแล้วเมื่อคุณได้ทำการลงทะเบียนเพื่อขอทำธุรกรรมผ่านอินเทอร์เน็ตแล้ว ขั้นตอนต่อไปคือการแจ้งรายชื่อพนักงานเข้าระบบประกันสังคมได้ดังนี้


เข้าไปที่เว็บไซต์สำนักงานประกันสังคมจากนั้นเลือกหัวข้อ “สถานประกอบการ” และเลือกไปที่เมนู“ทะเบียนผู้ประกันตน” จากนั้นกรอก User-ID ที่ได้รับจากสำนักงานประกันสังคมและใส่รหัสผ่าน


เพื่อเข้าสู่ระบบ จากนั้นเลือกไปที่เมนู “ขึ้นทะเบียนผู้ประกันตน/แจ้งรับผู้ประกันตนเข้าทำงาน”เพื่อรับแบบฟอร์ม สปส.1-03 เมื่อได้รับแบบฟอร์มสปส.1-03 มาแล้ว ในการยื่นเอกสารฉบับนี้จำเป็นที่จะต้องใช้หลักฐานอื่น ๆ ร่วมด้วย ดังนี้


-แบบฟอร์มขึ้นทะเบียนผู้ประกันตน (สปส.1-03)


-บัตรประจำตัวประชาชน


-ในกรณีที่เป็นชาวต่างชาติ ให้ใช้ใบอนุญาตในการทำงาน สำเนาหนังสือเดินทาง หรือใบสำคัญประจำตัวคนต่างด้าวแทน


-ในกรณีของลูกจ้างที่เคยยื่นแบบขึ้นทะเบียนผู้ประกันตนแล้ว ให้ทำการขึ้นทะเบียนผู้ประกันตน(สปส. 1-03/1) ภายใน 30 วัน นับตั้งแต่วันแรกที่เข้าทำงาน


เมื่อแนบเอกสารทั้งหมดเรียบร้อยแล้วระบบจะดำเนินการส่งรายชื่อของลูกจ้างที่นำส่งไปเข้าสู่ระบบเพียงเท่านี้รายชื่อก็จะเข้าสู่ระบบของสำนักงานประกันสังคมเรียบร้อยแล้ว


ขั้นตอนที่3 วิธีการชำระ

หลังจากที่ส่งรายชื่อลูกจ้างเข้าสู่ระบบประกันสังคมแล้วบริษัทจะต้องทำการหักเงินสมทบของลูกจ้างทุกครั้งที่จ่ายค่าจ้าง พร้อมทั้งนำส่งเอกสารผ่านเว็บไซต์ของสำนักงานประกันสังคม


โดยสามารถเลือกวิธีการนำส่งข้อมูลการส่งเงินสมทบและรายละเอียดการชำระ ได้โดยการนำส่งข้อมูลด้วยตัวเองที่สำนักงานประกันสังคมประจำพื้นที่ หรือส่งเอกสารได้โดยการจัดส่งทางไปรษณีย์


ในส่วนของวิธีการชำระเงิน สามารถชำระได้ทั้งเงินสดหรือเช็ค ทั้งนี้สามารถชำระเงินผ่านทางธนาคารกรุงไทย ธนาคารกรุงศรีอยุธยาหรือธนาคารธนชาต เมื่อชำระเงินเรียบร้อยแล้ว ให้ส่งข้อมูลการชำระผ่านเว็บไซต์ สำนักงานประกันสังคม โดยมีระยะดำเนินการภายในวันที่ 15 ของเดือนถัดไป


อ่านบทความ ยื่นภาษีออนไลน์ ง่ายนิดเดียว


บริการที่ปรึกษาบัญชีโดยผู้เชี่ยวชาญ

บริษัท สำนักงานบัญชี พีทูพี จำกัด
โทรศัพท์ :  097 236 2994
ไอดีไลน์ :  p2pacc

บทความที่น่าสนใจ