จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม
ใครบ้างต้องจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม
1.ผู้ประกอบการธุรกิจที่มีรายรับจากการขายสินค้าหรือให้บริการเกินกว่า 1.8ล้านบาทต่อปี ให้ยื่นคำขอจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มภายใน 30 วันนับแต่วันที่มีรายรับเกิน
2.ผู้ประกอบธุรกิจที่ขายสินค้าหรือให้บริการ ซึ่งมีแผนงานหรือ ได้มีการดำเนินการและเตรียมการประกอบกิจการ ที่ต้องมีการซื้อสินค้า หรือรับบริการอยู่ในข่ายต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม เช่น การก่อสร้างโรงงาน ก่อสร้างอาคารสำนักงานหรือการติดตั้งเครื่องจักรให้ยื่นคำขอจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มภายในกำหนด 6เดือน ก่อนวันเริ่มประกอบกิจการ
3.ผู้ประกอบการอยู่นอกประเทศและได้ขายสินค้าหรือให้บริการในในประเทศ โดยมีตัวแทน อยู่ในราชอาณาจักรให้ตัวแทนเป็นผู้มีหน้าที่รับผิดชอบการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม
สนใจปรึกษา ติดต่อ
โทรศัพท์ : 097 236 2994
Add Line : p2pacc
ดูรายละเอียดบริการรับวางแผนภาษี กดที่นี่
ภาษีมูลค่าเพิ่ม ( Value Added Tax หรือVAT)
หรือที่เรียกกันทั่วไปว่า แวตเป็นภาษีทางอ้อมประเภทหนึ่งที่เรียกเก็บจากบุคคลที่ซื้อสินค้าหรือรับบริการ
โดยจัดเก็บเฉพาะจากมูลค่าส่วนที่เพิ่มขึ้นในแต่ละขั้นผลิตการจำหน่ายหรือการให้บริการ ตัวอย่างเช่น
สมมติว่าอัตราภาษีมูลค่าเพิ่มเป็นร้อยละ 10ซื้อวัตถุดิบ วัสดุอุปกรณ์มา 100 บาท และมีภาษีซื้อ 10บาท
เมื่อผลิตเป็นสินค้าขายในราคา 150 บาท ตอนขายไปจะต้องคิดภาษีขาย 15บาท ดังนี้ ก็จะเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม
เฉพาะผลต่างจำนวน 15-10 = 5บาท เท่านั้น ถ้าการซื้อ และขายเกิดขึ้นภายในรอบการจ่ายภาษีเดียวกัน
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม กดที่นี่
.jpg)
หน้าที่เกิดเมื่อจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม
เมื่อกิจการได้ทำการ จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มแล้วก็จะมีหน้าที่ จัดทำรายงานภาษี ต่างๆ รวมถึง ยื่นแบบภาษีมูลค่าเพิ่ม
ต้องยื่นแบบ ภ.พ. 30เอกสารแนบแบบฟอร์ม คือ รายงานภาษีซื้อรายงานภาษีขาย ของเดือนซึ่งรวบรวมมาจากใบกำกับภาษี
จากการซื้อ และ การขายสินค้าหรือให้บริการของกิจการ ใบกำกับภาษี ที่จะนำมาใช้สำหรับใช้สิทธิในระบบภาษีมูลค่าเพิ่ม
มีข้อกำหนดว่าต้องเป็น ใบกำกับภาษี เต็มรูปแบบและหากเป็นภาษีซื้อ ต้องเป็นรายจ่ายที่ เกี่ยวข้องกับบริษัทโดยเฉพาะเท่านั้น
หากเป็นรายจ่ายส่วนตัวไม่สามารถนำมาใช้สิทธิ์ ภาษีมูลค่าเพิ่ม ได้ รวมถึงรายการภาษีซื้อ ต้องห้ามต่าง ๆ ด้วย ในส่วนของ
ภาษีมูลค่าเพิ่ม นี้หากยื่นแบบผิดหรือยื่นภาษีขาดไป ผลที่จะตามมาคือ เบี้ยปรับ เงินเพิ่ม โทษคือเบี้ยปรับ 2เท่า
ของจำนวน ภาษีที่ต้องชำระในเดือนนั้น และเงินเพิ่มอีกร้อยละ 1.5ต่อเดือน
ปรึกษาสำนักงานบัญชี พีทูพี กดที่นี่
ผู้ประกอบการที่ไม่ต้องจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม
1. ผู้ประกอบการที่มีรายรับจากการขายสินค้าหรือให้บริการไม่เกิน1.8 ล้านบาทต่อปี
2. ผู้ประกอบการที่ขายสินค้าหรือให้บริการที่ได้รับยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่มตามกฎหมาย
3. ผู้ประกอบการที่ให้บริการจากต่างประเทศและได้มีการใช้บริการนั้นในราชอาณาจักร
4. ผู้ประกอบการที่อยู่นอกราชอาณาจักรและเข้ามาประกอบกิจการขายสินค้าหรือให้บริการในราชอาณาจักรเป็นครั้งคราวทั้งนี้ ต้องเป็นไปตามหลักเกณฑ์
วิธีการและเงื่อนไขที่กำหนดไว้ในประกาศอธิบดีกรมสรรพากรเกี่ยวกับภาษีมูลค่าเพิ่ม ( ฉบับที่ 43)ฯ ลงวันที่ 29 มกราคม พ . ศ . 2536
5. ผู้ประกอบการอื่นตามที่อธิบดีจะประกาศกำหนดเมื่อมีเหตุอันสมควร
สนใจปรึกษา ติดต่อ
โทรศัพท์ : 097 236 2994
Add Line : p2pacc
.jpg)
ผู้มีหน้าที่ออกใบกำกับภาษี
เฉพาะผู้ประกอบการจดทะเบียนที่เสียภาษีมูลค่าเพิ่มในอัตราร้อยละ0 หรือ อัตราร้อยละ 7.0เท่านั้น
ที่มีหน้าที่ต้องออกใบกำกับภาษีให้กับผู้ซื้อสำหรับกิจการที่ได้รับยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่มไม่มีสิทธิออกใบกำกับภาษีให้กับผู้ซื้อแต่อย่างใด
ผู้ประกอบการจดทะเบียนออกใบกำกับภาษี
จะต้องมีองค์ประกอบคือเป็นผู้ประกอบการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มและได้มีการขาย สินค้าหรือให้บริการแก่ผู้ซื้อสินค้า
หรือผู้รับบริการนั้นๆโดยต้องออกใบกำกับภาษีให้แก่ผู้ซื้อสินค้าหรือผู้รับบริการนั้นจะออกให้บุคคลอื่นไม่ได้
.jpg)
การวางระบบบัญชี ภาษีมูลค่าเพิ่ม
เป็นการจัดการในขั้นตอนของ “วางระบบบัญชี”ภาษีการขายที่จัดเก็บจากมูลค่าของสินค้า หรือบริการเฉพาะส่วนที่เพิ่มขึ้นในแต่ละขั้นตอน
จากการจำหน่ายสินค้า หรือบริการ เป็นภาษีที่ผู้ซื้อหรือผู้รับบริการคนสุดท้าย เป็นผู้รับภาระแต่การจัดการหรือการ “วางระบบบัญชี”
จัดเก็บจะเป็นหน้าที่ของผู้ประกอบการในแต่ละขั้นตอนของการจำหน่าย หรือให้บริการเป็นผู้เรียกเก็บภาษีจากผู้ซื้อหรือผู้รับบริการ
เพื่อการนำส่งแก่กรมสรรพากรต่อไป การประกอบกิจการมีรายรับเกินกว่า 1,800,000บาท ต่อปี
ผู้ประกอบกิจการจะต้องมีหน้าที่จดทะเบียนภาษี มูลค่าเพิ่ม
ดูละเอียดบริการรับวางระบบบัญชีเพิ่มเติม กดที่นี่
ผู้ประกอบการจดทะเบียนภาษีมูลค่า
เพิ่มต้องทำการ “วางระบบบัญชี” เพื่อคำนวณภาษีมูลค่าเพิ่มที่จะต้องชำระ หรือมีสิทธิได้รับคืน โดยการคำนวณจะทำเป็น รายเดือน
ภาษีมูลค่าเพิ่มคือการนำภาษีขายลบด้วยภาษีซื้อ ส่วนต่างที่เกิดขึ้น ถ้ากรณีภาษีขาย มากกว่าภาษีซื้อ ผู้ประกอบการ
จะต้องชำระภาษีมูลค่าเพิ่ม หรือถ้ากรณีภาษีขายน้อยกว่าภาษีซื้อ ผู้ประกอบการจะได้มีสิทธิได้รับคืนหรือได้เครดิตภาษี
ในการคำนวณภาษีมูลค่าเพิ่ม
จะเป็นไปตามหลักฐานเอกสารที่เกิดขึ้นในระหว่างเดือนภาษี เอกสารที่ใช้ประกอบการคำนวณหรือ “วางระบบบัญชี”
ภาษีมูลค่าเพิ่ม คือ ใบกำกับภาษี คือเอกสารที่ผู้ประกอบการจดทะเบียน ในระบบภาษีมูลค่าเพิ่มจะต้องออกให้แก่ผู้ซื้อสินค้าหรือผู้ใช้บริการ
ในการขายสินค้าหรือให้บริการทุกครั้งและต้องจัดทำในทันทีที่ความรับผิดในการเสียภาษีมูลค่าเพิ่มเกิดขึ้นใบกำกับภาษี
แบ่งได้เป็น 2ประเภท
1. ใบกำกับภาษีแบบเต็มรูป
2. ใบกำกับภาษีอย่างย่อ
1. ชื่อ ที่อยู่ เลขประจำตัวผู้เสียภาษีอากรของผู้ออกใบกำกับภาษี
2. ชื่อ ที่อยู่ ของผู้ซื้อสินค้าหรือบริการ
3. หมายเลขลำดับของใบกำกับภาษีและลำดับของเล่ม
4. ชื่อ ชนิด ประเภท ปริมาณและมูลค่าของสินค้าหรือบริการ
5. จำนวนภาษีมูลค่าเพิ่มที่เรียกเก็บให้แยกออกจากมูลค่าของสินค้าหรือบริการ
6. วัน เดือน ปี ที่ออกใบกำกับภาษี
7. ข้อความอื่นตามที่อธิบดีกำหนด
กำหนดเวลายื่นแบบภาษีมูลค่าเพิ่ม
(1) ผู้ประกอบการจดทะเบียนต้องยื่นแบบภ.พ.30 พร้อมชำระภาษีมูลค่าเพิ่ม (ถ้ามี)เป็นรายเดือนทุกเดือนภาษี ไม่ว่าจะมีการขายสินค้า
หรือให้บริการในเดือนภาษีนั้นหรือไม่ก็ตามโดยให้ยื่นแบบภายในวันที่ 15ของเดือนถัดไปในกรณีผู้ประกอบการมีสถานประกอบการหลายแห่ง
ให้แยกยื่นแบบแสดงรายการภาษีและชำระภาษีเป็นรายสถานประกอบการเว้นแต่ได้ยื่นคำร้องขออนุมัติยื่นแบบแสดงรายการภาษี
และชำระภาษีรวมกัน (ภ.พ.02)เมื่อได้รับอนุมัติจากอธิบดีกรมสรรพากรแล้ว ก็สามารถยื่นแบบ ภ.พ.30รวมกันได้
ตั้งแต่เดือนภาษีที่อธิบดีกำหนดเป็นต้นไป
(2) การนำเข้าสินค้าผู้ประกอบการจดทะเบียนหรือผู้นำเข้าต้องยื่นแบบใบขนสินค้าขาเข้าและชำระภาษีมูลค่าเพิ่ม
พร้อมกับการชำระอากรขาเข้าตามกฎหมายว่าด้วยศุลกากรณ ด่านศุลกากรที่มีการนำเข้าสินค้า
(3) ผู้มีหน้าที่นำส่งภาษีมูลค่าเพิ่มกรณีผู้ประกอบการที่ให้บริการในต่างประเทศและได้มีการใช้บริการนั้นในราชอาณาจักร
หรือผู้ทอดตลาดซึ่งขายทอดตลาดทรัพย์สินของผู้ประกอบการจดทะเบียนต้องยื่นแบบนำส่งภาษีมูลค่าเพิ่มภายใน 7วัน
นับแต่วันที่จ่ายเงินหรือวันรับเงินจากการขายทอดตลาดแล้วแต่กรณีปัจจุบันได้มีประกาศกระทรวงการคลังขยายกำหนดเวลา
การนำส่งเงินภาษีมูลค่าเพิ่มโดยให้นำส่งภายใน7 วันนับแต่วันสิ้นเดือนของเดือนที่จ่ายเงินให้แก่ผู้ประกอบการจดทะเบียน
หรือผู้ประกอบการ และยื่นรายการ แล้วแต่กรณี
(4) กรณีผู้รับโอนสินค้าหรือผู้รับโอนสิทธิในบริการที่ได้เสียภาษีมูลค่าเพิ่มในอัตราร้อยละ 0ให้นำส่งภาษีมูลค่าเพิ่มภายใน 30วัน
นับแต่วันความรับผิดในการเสียภาษีมูลค่าเพิ่มเกิดขึ้นปัจจุบันได้มีประกาศกระทรวงการคลังขยายกำหนดเวลาการนำส่งเงินภาษีมูลค่าเพิ่ม
โดยให้นำส่งและยื่นรายการภายใน7 วัน นับแต่วันสิ้นเดือนของเดือนที่ครบกำหนด 30วันที่ความรับผิดในการเสียภาษีมูลค่าเพิ่มเกิดขึ้น
(5) กรณีที่ผู้ประกอบการจดทะเบียนยื่นแบบแสดงรายการภาษีมูลค่าเพิ่มไว้ไม่ถูกต้องครบถ้วนไม่ว่าการคลาดเคลื่อนนั้นจะเป็นเหตุ
ให้จำนวนภาษีในเดือนภาษีเปลี่ยนแปลงไปหรือไม่ก็ตามจะยื่นแบบแสดงรายการภาษีมูลค่าเพิ่ม เพิ่มเติมได้อีกพร้อมกับชำระภาษี (ถ้ามี)
ให้ถูกต้องครบถ้วน ณ หน่วยงานที่ได้ยื่นแบบแสดงรายการภาษีมูลค่าเพิ่มไว้ก่อน
.jpg)