097-2362994
[email protected]
Line
หน้าแรก
บริการของเรา
รับทำบัญชี
รับตรวจสอบบัญชี
รับจดทะเบียนบริษัท
รับวางระบบบัญชี
รับวางแผนภาษี
รับคัดหนังสือรับรอง
โปรแกรมบัญชี Express
บทความ
เกี่ยวกับสำนักงานบัญชีเรา
ติดต่อเรา
784
views
Line
โดย
สำนักงานบัญชีพีทูพี
เมื่อ
23 ธ.ค. 2565
แชร์บนเฟสบุ๊ค
เบี้ยปรับ เงินเพิ่ม ภาษีย้อนหลัง
เบี้ยปรับ เงินเพิ่ม ภาษีย้อนหลัง
เชื่อว่าเจ้าของธุรกิจหลายๆ คนต้องเคยได้ยินคำเหล่านี้ แต่จะมีสักกี่คนที่เข้าใจในเรื่องของ
เบี้ยปรับเงินเพิ่มภาษีย้อนหลัง
เรื่องของ
เบี้ยปรับเงินเพิ่มภาษีย้อนหลัง
เป็นเรื่องที่เจ้าของธุรกิจควรให้ความสำคัญ เพราะถ้าหากละเลยดำเนินการผิดพลาด จะส่งผลให้เกิดความเสียตามมาในบริษัท
ปรึกษางานบัญชีภาษี
โทรศัพท์ :
097 236 2994
Add Line :
p2pacc
อ่านใบกำกับภาษีรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ e-Tax Invoice
ความหมายของเบี้ยปรับเงินเพิ่มภาษีย้อนหลัง
1.
เบี้ยปรับ
คือ หนึ่งในมาตรการลงโทษทางแพ่งของผู้มีเงินได้หรือเจ้าของธุรกิจที่เสียภาษีไม่ถูกต้องตามประมวลรัษฎากรทั้งผู้ที่ละเลย ไม่ดำเนินการตามหลักเกณฑ์ที่ถูกกำหนดไว้ในการเสียภาษีโดยผู้มีเงินได้
หรือเจ้าของธุรกิจที่มีความผิดในส่วนนี้ จะต้องรับผิดหรือจ่ายเงิน ประมาณ 1-2 เท่าตามที่กำหนดไว้ในกฎหมายทั่ว เบี้ยปรับอาจปรับลดได้ตามความเหมาะสมในแต่ละกรณีตามระเบียบที่อธิบดีกำหนดโดยอนุมัติรัฐมนตรี
2.
เงินเพิ่ม
คือ กรณีที่ผู้มีเงินได้หรือเจ้าของธุรกิจไม่ดำเนินการชำระภาษีหรือนำส่งภาษีภายในระยะเวลาที่กำหนดเป็นมาตรการบทลงโทษทางแพ่ง ตามประมวลรัษฎากร ที่นำมาใช้เพื่อเร่งรัดให้ผู้มีเงินได้หรือเจ้าของธุรกิจต้องชำระภาษีให้โดยเร็ว
3.
ภาษีย้อนหลัง
คือ เป็นกระบวนการที่นำมาใช้กับผู้มีเงินได้หรือเจ้าของธุรกิจที่ไม่ได้ทำการชำระภาษีอย่างถูกต้องหรือเลี่ยงจากชำระภาษี เกิดขึ้นหลังจากการดำเนินการตรวจสอบย้อนหลังจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ กรมสรรพากรกรมศุลกากร กรมสรรพสามิต
ปรึกษางานบัญชีภาษี
โทรศัพท์ :
097 236 2994
Add Line :
p2pacc
แนะนำอ่านบริการ รับทำบัญชี ยื่นภาษี จ่ายน้อยราคาประหยัด
เบี้ยปรับเงินเพิ่ม
เราก็ได้ทำความเข้าใจกันไปเบื้องต้นแล้วในส่วนของความหมายของ
เบี้ยปรับเงินเพิ่ม ภาษีย้อนหลัง
ตอนนี้เราจะมาดูเรื่องของเบี้ยปรับเงินเพิ่มกันก่อนว่ามีบทลงโทษในภาพรวมอย่างไรบ้างโดยเราสามารถแบ่งเบี้ยปรับออกได้เป็น 2 กรณีคือ
กรณีที่เป็นผู้มีเงินได้หรือผู้ประกอบกิจการที่เคยยื่นแบบเพิ่มเติมแล้วและเป็นผู้ที่ยังไม่ได้ยื่นแบบมาก่อน ทั้งนี้ ในกรณีที่ไม่เคยยื่นแบบมาก่อนจะต้องชำระค่าปรับเพิ่มไปอีก โดยคิดเป็นอัตราร้อยละ 1.5 ต่อเดือน ของภาษีที่ต้องชำระทั้งสิ้น
เงินเพิ่ม
– คิดในอัตราร้อยละ 1.5 /เดือนของภาษีที่ต้องชำระทั้งสิ้น โดยให้นับเศษของเดือนเป็น 1 เดือน
– แต่หากในกรณีที่ไม่ต้องเสียภาษีก็ไม่ต้องชำระเงินเพิ่ม
เสียเงินเพิ่ม1.5% /เดือน โดยให้นับเศษของเดือนเป็น 1 เดือน (ไม่รวมเบี้ยปรับ)หากในกรณีที่อธิบดีอนุมัติให้สามารถขยายเวลาได้ให้ลดเหลือ 0.75% /เดือน โดยให้นับเศษของเดือนเป็น 1 เดือนเช่นเดิม
เบี้ยปรับ
หากในกรณีที่เป็นการยื่นเพิ่มเติมกล่าวคือผู้มีเงินได้หรือบริษัทได้เคยทำการยื่นภาษีเดือนนั้นไปแล้ว ให้คิดเบี้ยปรับในอัตรา 2% – 20% โดยมีเงื่อนไขเบื้องต้นดังนี้
– ยื่นชำระภาษีภายใน 1-15 วันค่าเบี้ยปรับอัตรา 2%
– ยื่นชำระภาษีภายใน 16-30 วันค่าเบี้ยปรับอัตรา 5%
– ยื่นชำระภาษีภายใน 31-60 วันค่าเบี้ยปรับอัตรา 10%
– ยื่นชำระภาษีหลัง 60 วันไปแล้วค่าเบี้ยปรับอัตรา 20%
แต่หากกรณีที่ผู้มีเงินได้หรือบริษัทไม่ได้ดำเนินการยื่นแบบของเดือนนั้นมาก่อน จะมีเงื่อนไขที่แตกต่างไปดังนี้
– ยื่นชำระภาษีภายใน 1-15 วันค่าเบี้ยปรับอัตรา 2% คูณ 2 เท่า
– ยื่นชำระภาษีภายใน 16-30 วันค่าเบี้ยปรับอัตรา 5% คูณ 2 เท่า
– ยื่นชำระภาษีภายใน 31-60 วันค่าเบี้ยปรับอัตรา 10% คูณ 2 เท่า
– ยื่นชำระภาษีหลัง 60 วันไปแล้วค่าเบี้ยปรับอัตรา 20% คูณ 2 เท่า
ทั้งนี้ กรณีไม่มีที่ต้องภาษีต้องชำระ ก็ไม่จำเป็นต้องเสียค่าเบี้ยปรับแต่อย่างไรก็ดี ผู้เสียภาษีจะยังคงต้องเสียค่าปรับอาญา
ภาษีย้อนหลัง
ในบทความนี้เราจะมาทำความเข้าใจในเรื่องของ
เบี้ยปรับเงินเพิ่มภาษีย้อน
หลังกันต่อ ฉะนั้น อีกหนึ่งเรื่องที่เราต้องทำความเข้าใจก็คือภาษีย้อนหลังนั่นเองเราก็ได้ทราบถึงความหมายของภาษีย้อนหลังกันไปแล้วในตอนต้นของบทความภาษีย้อนหลังคือกระบวนการที่เกิดขึ้นหลังการตรวจสอบภาษี ของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อันดับแรกเราจะมาดูสาเหตุของการโดนเรียกภาษีย้อนหลังกันก่อน
ทำไมถึงโดนเรียกเก็บภาษีย้อนหลัง?
การที่คุณหรือธุรกิจของคุณถูกเรียกเก็บภาษีย้อนหลังนั้นสาเหตุหลัก ๆ มาจาก 2 กรณี คือ
กรณีที่ 1
คุณยังไม่ได้ดำเนินการชำระค่าภาษีหรือคุณได้ดำเนินการชำระภาษีไปแล้วแต่ขั้นตอนการชำระภาษีของคุณไม่ถูกต้อง หรือไม่สมบูรณ์นั่นเอง
และใน
กรณีที่ 2
อาจเกิดได้จากหลายกรณี ไม่ว่าจะเป็น การชำระภาษีไม่ครบถ้วน ถูกต้อง ตามจำนวนทั้งการระบุรายได้ที่ผิดพลาด คลาดเคลื่อน ตลอดจนการเลี่ยงชำระภาษีด้วยเจตนา
วิธีในการ ตรวจสอบภาษีย้อนหลัง ของเจ้าหน้าที่สรรพากร
1.การลงพื้นที่ คือ การลงพื้นที่เพื่อออกไปตรวจเยี่ยมผู้เสียภาษีด้วยตัวเองซึ่งส่วนใหญ่กรมสรรพากรมักมักจะเลือกลงพื้นที่ในกลุ่มผู้ประกอบกิจการหรือเจ้าของธุรกิจที่มีร้านค้าหรือบริษัทมากกว่า
2.การเข้าตรวจนับสต็อกสินค้า คือ วิธีนี้มักจะใช้กับเจ้าของธุรกิจ ที่ประกอบกิจการค้าขายทั้งในประเทศและสินค้าส่งออก เนื่องจากการนับสต็อกสินค้าและนับจากจำนวนสินค้านั้น จะช่วยให้ทราบว่าผู้ประกอบการได้เสียภาษีครบถ้วนหรือไม่
3.การตรวจสอบใบกำกับภาษี คือ อีกหนึ่งวิธีที่แพร่หลายที่เจ้าของกิจการมักจะทำเพื่อหลีกเลี่ยงภาษีนั่นก็คือการปลอมแปลงเอกสารใบกำกับภาษีนั่นเอง ฉะนั้นเพื่อเป็นการตรวจสอบย้อนหลังให้แน่ใจ
กรมสรรพากรจึงใช้วิธีการตรวจสอบภาษี ด้วยการสอบยันใบกำกับภาษีเพื่อตรวจสอบดูว่าธุรกิจนั้น ๆได้มีการปลอมแปลงเอกสารบ้างไหม จากนั้นจึงนำข้อมูลในส่วนนี้มาคำนวณและเรียกเก็บภาษีย้อนหลังนั่นเอง
4. การตรวจคืนภาษี คือ ในส่วนของวิธีนี้ เป็นกระบวนการตรวจสอบภาษีย้อนหลังที่ใช้กับบุคคลธรรมดาผู้มีเงินได้
5. การตรวจค้น คือเป็นวิธีที่ใช้ในกรณีที่ถูกตั้งข้อสงสัยค่อนข้างชัดเจนว่ามีการเลี่ยงภาษีเป็นจำนวนมากโดยมีขั้นตอนการดำเนินการคือทางกรมสรรพากรจะเข้าตรวจค้นเอกสารต่าง ๆที่เกี่ยวข้อง เพื่อรวบรวมหลักฐาน พร้อมทั้งยึดและอายัดบัญชีรวมถึงเอกสารต่างๆที่เกี่ยวข้องกับการหลีกเลี่ยงภาษี
6. การออกหมายเรียกตรวจสอบภาษี คือ วิธีนี้ทางกรมสรรพากรจะทำการออกหมายเรียกถึงผู้ที่มีหน้าที่เสียภาษีเพื่อดำเนินการขอตรวจสอบภาษีโดยผู้ที่ได้รับหมายเรียกในครั้งนี้จะต้องดำเนินการนำส่งเอกสารและหลักฐานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับภาษีให้แก่กรมสรรพากรและหากถูกตรวจพบว่ามีการหลีกเลี่ยงภาษีก็จะถูกดำเนินการเรียกภาษีย้อนหลังนั่นเอง
ปรึกษางานบัญชีภาษี
โทรศัพท์ :
097 236 2994
Add Line :
p2pacc
บริการรับตรวจสอบบัญชี โดยผู้สอบบัญชีรับอนุญาต (CPA)
วิธีป้องกันการเรียกเก็บภาษีย้อนหลังทำอย่างไรได้บ้าง?
หลังจากที่ได้ทราบถึงสาเหตุและวิธีการตรวจสอบภาษีย้อนหลังของกรมสรรพากรกันไปแล้วเรามาดูวิธีการป้องกันการถูกเรียกเก็บภาษีย้อนเพื่อไม่ให้เหตุการณ์เหล่านี้เกิดขึ้นกับธุรกิจของคุณ
ยื่นภาษีทุกปี
อีกหนึ่งความเข้าใจผิดที่ผู้มีเงินได้มักจะพลาดกันก็คือการที่คิดว่ารายได้ของเรานั้น ไม่ถึงตามเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนดไว้ให้เสียภาษี จึงไม่ทำการยื่นภาษีความจริงแล้วการยื่นภาษีกับการชำระภาษีเป็นคนละเรื่องกันกล่าวคือหน้าที่ยื่นภาษีเพื่อแสดงรายได้ให้กรมสรรพากรตรวจสอบเป็นหน้าที่ของทุกคน
โดยจำนวนภาษที่ต้องชำระและค่าลดหย่อนจะแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคลในการกรอกข้อมูลเราจึงต้องมั่นใจว่าข้อมูลต่าง ๆ ที่เรากรอกลงไปนั้นถูกต้องและครบถ้วนทั้งการระบุประเภทของเงินได้ สิทธิ์ลดหย่อน ตลอดจนกองทุนต่าง ๆ เพื่อเป็นการรักษาสิทธิ์ของคุณในกรณีที่คุณได้รับสิทธิ์ลดหย่อนภาษีเพื่อรับเงินภาษีคืนนั่นเอง
ทำบัญชีรายเดือน
การจัดทำบัญชีรายรับ-รายจ่ายเก็บไว้เพื่อเป็นหลักฐานนอกจากจะช่วยในเรื่องของการบริหารจัดการเงินของคุณแต่ยังช่วยให้คุณมีหลักฐานทั้งในการรับเงินและจ่ายเงินอีกด้วยซึ่งหลักฐานในส่วนนี้สามารถนำไปใช้เพื่อประกอบกับการยื่นภาษีในแต่ละปีได้
โดยเฉพาะ ในกรณีที่คุณมีรายได้มากกว่า 1 ช่องทาง หรือมีรายได้จากอาชีพเสริม การจดบันทึกรายรับไว้จะเป็นวิธีที่ช่วยให้คุณทราบถึงแหล่งที่มาของการเงินได้
ติดตามข่าวสารเรื่องภาษี
การติดตามข่าวสารเรื่องภาษีแต่ละปีจะช่วยให้คุณทราบข้อกฏหมาย เงื่อนไข และข้อยกเว้นในแต่ละปีมากขึ้นเพื่อให้การดำเนินการของคุณ
เป็นไปอย่างถูกต้องตามข้อกำหนดอีกทั้งเพื่อผลประโยชน์ในการยื่นรับสิทธิ์ลดหย่อนภาษีของคุณอีกด้วยและนี่ก็คือวิธีการป้องกันการถูกเรียกภาษีย้อนหลังที่เรานำมาฝากกันหรือหากคุณสนใจวิธีที่ง่ายกว่านั้น เพียงใช้บริการของสำนักงานบัญชี พีทูพี
ที่จะช่วยอำนวยความสะดวกในด้านของภาษีให้กับคุณแบบครบวงจรตั้งแต่ขั้นตอนการจัดเตรียมเอกสาร ยื่นเอกสารตลอดจนเป็นผู้ประสานงานให้กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องนอกจากนี้คุณยังได้รับบริการปรึกษาฟรีจากเราในทุก ๆ ขั้นตอนอีกด้วย
ปรึกษางานบัญชีภาษี
โทรศัพท์ :
097 236 2994
Add Line :
p2pacc
อ่านบริการรับวางระบบบัญชี วางระบบงานฝ่ายบัญชี ครบวงจร
บทลงโทษ
กรณีที่ 1 ยื่นแบบภาษีในระยะเวลาที่กำหนดแต่ชำระภาษีไม่ครบหรือคลาดเคลื่อน มีค่าปรับดังนี้
-ต้องชำระเบี้ยปรับ 0.5 - 1 เท่า ของค่าภาษีที่ต้องจ่าย
- เต้องชำระเงินเพิ่ม 1.5% /เดือนของภาษีที่ต้องจ่าย (เริ่มนับตั้งแต่วันที่พ้นกำหนดให้ยื่นแบบจนถึงวันที่จ่ายครบ)
กรณีที่ 2 ไม่ได้ดำเนินการยื่นแบบภาษีภายในระยะเวลาที่กำหนด มีค่าปรับดังนี้
- ระวางโทษปรับทางอาญาสูงสุด 2,000 บาท
- เสียเบี้ยปรับ 1 - 2 เท่า ของค่าภาษีที่ต้องจ่าย
- เสียเงินเพิ่ม 1.5% /เดือนของภาษีที่ต้องจ่าย (เริ่มนับตั้งแต่วันที่พ้นกำหนดให้ยื่นแบบจนถึงวันที่จ่ายครบ)
กรณีที่ 3 เจตนาละเลยไม่ยื่นแบบภาษีภายในกำหนดเพื่อเลี่ยงภาษีมีค่าปรับดังนี้
- มีโทษปรับทางอาญาสูงสุด 5,000 บาท จำคุกสูงสุด 6 เดือน
- เสียเบี้ยปรับ 2 เท่าของค่าภาษีที่ต้องจ่าย
- เสียเงินเพิ่ม 1.5% /เดือนของภาษีที่ต้องจ่าย (เริ่มนับตั้งแต่วันที่พ้นกำหนดให้ยื่นแบบจนถึงวันที่จ่ายครบ)
กรณีที่4 เจตนาหนีภาษี มีค่าปรับดังนี้
- มีโทษปรับทางอาญาตั้งแต่ 2,000 - 200,000 บาท จำคุกตั้งแต่ 3 เดือนถึง 7 ปี
- เสียเบี้ยปรับ 2 เท่าของค่าภาษีที่ต้องจ่าย
- เสียเงินเพิ่ม 1.5% /เดือนของภาษีที่ต้องจ่าย (เริ่มนับตั้งแต่วันที่พ้นกำหนดให้ยื่นแบบจนถึงวันที่จ่ายครบ)
นี่ก็คือข้อมูลของเบี้ยปรับเงินเพิ่ม ภาษีย้อนหลัง
ที่เรานำมาฝากกัน เรียกได้ว่าบทลงโทษนั้นค่อนข้างจะหนักทีเดียวทั้งการเสี่ยงเสียค่าปรับหรือยิ่งไปกว่านั้นก็อาจจะถูกดำเนินคดีและจำคุกได้ ฉะนั้นเพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาต่าง ๆ ที่อาจตามมาได้
เราขอแนะนำให้คุณดำเนินการยื่นและชำระภาษีในทุก ๆ ปีหรือคุณจะยกหน้าที่ในส่วนนี้ให้กับสำนักงานบัญชีเพื่อให้สำนักงานบัญชีดำเนินการในส่วนนี้ให้ โดยควรเลือกจากประสบการณ์ของสำนักงานบัญชีเป็นหลักนั่นเอง
สำนักงานบัญชี พีทูพี ดำเนินการด้วยผู้เชี่ยวชาญในทุก ๆ ขั้นตอน ด้วยประสบการณ์กว่า 25 ปีเต็ม คุณจึงมั่นใจได้คุณจะได้รับการดำเนินการที่ถูกต้อง แม่นยำ และสะดวกแน่นอน
ปรึกษางานบัญชีภาษี
โทรศัพท์ :
097 236 2994
Add Line :
p2pacc
บริการรับวางแผนภาษี ลดหย่อนภาษี
แชร์บนเฟสบุ๊ค
บทความที่น่าสนใจ
ประกันสังคมออนไลน์
ตราประทับบริษัท (ตรายาง) ตามหลักเกณฑ์ข้อกำหนด ต้องมีไหม
จดทะเบียนพาณิชย์
จดทะเบียนเปลี่ยนแปลงกรรมการ
How to บัญชีการเงิน บัญชีภาษีอากร
ประโยชน์อันอัจฉริยะของ โปรแกรมบัญชี
ทุนจดทะเบียนบริษัท จัดตั้งใหม่เท่าไหร่
นักบัญชี มืออาชีพ
ทำบัญชีด้วยตัวเอง หรือ จ้างสำนักบัญชี แบบไหนดี
เรื่องน่ารู้ ประกันสังคม การยื่นประกันสังคม
ปรึกษาเรื่องบัญชีภาษี โดยผู้เชี่ยวชาญ
รับสอบบัญชี เซ็นต์งบ โดยผู้ตรวจสอบบัญชี
แบบรายการภาษีมูลค่าเพิ่ม
สัญญากับ อากรแสตมป์
คุณสมบัติโปรแกรม FlowAccount